หากว่า คุณกำลังจะมีเจ้าตัวเล็กมาเป็นโซ่ทองคล้องใจ ก็ถือว่าเป็นเรื่องยินดีสำหรับครอบครัว แต่สิ่งถัดมาที่คุณจะต้องทำ ก็คือ การดูแลตัวเองในระหว่างที่ตั้งครรภ์ ซึ่งเรามักจะได้ยินว่า เมื่อรู้ตัวว่า เรากำลังตั้งครรภ์ ก็ควรจะไปฝากครรภ์ หรือ ฝากท้องกับสถานพยาบาล แล้ว การฝากครรภ์ คืออะไร ทำไมเราถึงต้องไปฝากครรภ์ วันนี้ เรามีคำตอบมาฝากกัน
ฝากครรภ์ คือ การดูแลสุขภาพครรภ์ ตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ไปจนถึงก่อนคลอด โดยเมื่อทราบว่า เรากำลังตั้งครรภ์ก็ควรจะเข้าพบแพทย์ เพื่อทำการฝากครรภ์ทันที ซึ่งการฝากครรภ์นี้ จะช่วยลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นกับคุณแม่และลูกในครรภ์ได้
โดยคุณแม่จะต้องเข้าแพทย์อย่างเป็นประจำและสม่ำเสมอตามระยะเวลาของการตั้งครรภ์ เพื่อตรวจเช็กสุขภาพทั้งของแม่และลูกในครรภ์ รวมถึงการติดตามความผิดปกติที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในระหว่างการตั้งครรภ์ ทั้งนี้ ในการฝากครรภ์กับทางสถานพยาบาล ทางครอบครัวจะได้รับความรู้และคำแนะนำที่เกี่ยวข้อง ทำให้การตั้งครรภ์นั้น เป็นไปอย่างราบรื่น
เรามักจะได้ยินคำว่า การฝากครรภ์พิเศษ กับการฝากครรภ์ธรรมดา แล้ว 2 อย่างนี้แตกต่างกันอย่างไร?
การฝากครรภ์พิเศษ คือ การเลือกฝากครรภ์กับคุณหมอท่านใดท่านหนึ่งตลอดจนคลอดบุตร โดยเราสามารถศึกษาและเลือกหมอได้ด้วยตนเอง โดยเฉพาะในโรงพยาบาลเอกชนที่ถ้าหากเราไปฝากครรภ์ ก็จะเป็นการฝากครรภ์พิเศษโดยอัตโนมัติ
ซึ่งต่างจากการฝากครรภ์ธรรมดา ที่เป็นการพบแพทย์ทั่วไป ซึ่งในการมาพบหมอในแต่ละครั้งก็อาจจะไม่ใช่หมอคนเดิม ด้วยอาจจะเป็นเพราะหมอเวร รวมไปถึงการคลอดด้วยเช่นกัน
อย่างที่กล่าวไปว่า การฝากครรภ์ คือ การที่คุณแม่จะได้เข้าพบหมอ เป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ เราสามารถสรุปประโยชน์ของการฝากครรภ์ได้ ดังนี้
เพื่อตรวจเช็กสุขภาพของคุณแม่และลูกน้อยว่า มีสุขภาพแข็งแรงดีหรือไม่ มีพัฒนาการที่เหมาะสมตามอายุครรภ์หรือไม่
เพื่อระวังโรคบางอย่างที่อาจจะเกิดขึ้นระหว่างการตั้งครรภ์ เช่น ครรภ์เป็นพิษ โรคโลหิตจาง โรคเบาหวาน รวมถึงการตรวจดูความผิดปกติต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ และให้การรักษาอย่างทันท่วงที
เพื่อส่งเสริมสุขภาพร่างกายและจิตใจของว่าที่คุณแม่ ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดของแพทย์ ทั้งในเรื่องของอาหารการกิน การออกกำลังกาย การปฏิบัติตัว รวมถึงภาวะทางด้านอารมณ์ของคุณแม่ที่แพทย์จะแจ้งให้บุคคลในครอบครัวทราบด้วย
ช่วยลดความเสี่ยงในการแท้งบุตร และเกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ เช่น การติดเชื้อ การเสียเลือด เป็นต้น ซึ่งแพทย์จะคอยกำกับติดตามอาการเหล่านี้อย่างใกล้ชิด เมื่อเกิดความผิดปกติขึ้น
ช่วยดูแลคุณแม่และลูกน้อยให้ได้รับวัคซีนและยาบำรุงที่จำเป็นต่อพัฒนาการในแต่ละช่วงเดือน
ช่วยให้คุณแม่ทราบรายละเอียดของลูกน้อยได้อย่างถูกต้อง เช่น เพศ น้ำหนัก รวมถึงวันกำหนดคลอด และสามารถตัดสินใจได้ว่า สามารถคลอดเองได้ หรือ จะต้องผ่าคลอด
สำหรับคุณแม่มือใหม่ที่กำลังจะมีน้องครั้งแรก อาจจะสงสัยว่า แล้วเราควรจะเตรียมตัวอย่างไรบ้าง ในการฝากครรภ์ครั้งแรก สิ่งที่คุณแม่จะต้องเตรียมตัว มีดังนี้
การฝากครรภ์ครั้งแรก ควรจะไปฝากครรภ์ให้เร็วที่สุด เมื่อรู้ตัวว่า กำลังตั้งครรภ์ โดยที่ไม่จำเป็นต้องรอให้อายุครรภ์มากเสียก่อน ถึงไปฝากครรภ์
เมื่อเรากำลังจะไปฝากครรภ์ เอกสารที่คุณแม่จะต้องเตรียมไปด้วยได้แก่
สำหรับขั้นตอนการฝากครรภ์นั้นก็ไม่ได้ยุ่งยากเลย โดยเริ่มจาก
ซึ่งในการฝากครรภ์ครั้งแรกนั้น คุณแม่จะต้องได้รับการตรวจร่างกายอย่างละเอียด เพื่อให้แพทย์สามารถวินิจฉัยสุขภาพของคุณแม่ได้ และสามารถจัดเตรียมยาบำรุงได้อย่างถูกต้อง
หลังจากที่เราฝากครรภ์เรียบร้อยแล้ว เราก็ต้องหมั่นเข้าพบแพทย์เป็นระยะ เพื่อตรวจสุขภาพทั้งของคุณแม่และลูกในครรภ์ โดยแบ่งออกเป็น 3 ไตรมาส ดังนี้
แพทย์จะทำการนัดพบทุก 1 เดือน เพื่อตรวจปัสสาวะ เลือด เพื่อคัดกรองพันธุกรรม และตรวจอัลตราซาวด์ เพื่อกำหนดอายุครรภ์
แพทย์จะทำการนัดพบทุก 1 เดือน เพื่อตรวจเลือด คัดกรองโรคเบาหวาน เจาะน้ำคร่ำเพื่อตรวจโครโมโซม และตรวจอัลตราซาวด์ เพื่อดูเพศและพัฒนาการของทารกในครรภ์
แพทย์จะทำการนัดพบทุก 2 สัปดาห์ เพื่อสอนนับลูกดิ้น ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่และบาดทะยัก ตรวจเลือด และตรวจอัลตราซาวด์ เพื่อคำนวณน้ำหนักตัวและสุขภาพของทารกในครรภ์
การฝากครรภ์จะต้องฝากกับสถานพยาบาล แล้วเราจะเลือกฝากครรภ์กับที่ไหนดีล่ะ เราอาจจะมีแนวทางในการเลือก ดังนี้
ซึ่งหลายคนก็อาจจะมีคำถามว่า การฝากครรภ์ที่โรงพยาบาล กับ การฝากครรภ์ที่คลินิกนั้น มีความแตกต่างกันหรือไม่ เราขอตอบเลยว่า แทบจะไม่แตกต่างกัน เนื่องจากการฝากครรภ์ที่คลินิกนั้น ก็เป็นการฝากครรภ์กับคุณหมอประจำตัว ซึ่งทางคุณหมอก็จะให้คุณแม่ได้เลือกโรงพยาบาลที่ต้องการจะคลอดและพักฟื้นได้เอง
การฝากครรภ์ เป็นเรื่องใหญ่ที่ว่าที่คุณแม่มักจะมีข้อสงสัยและข้อกังวล ดังนั้น เรามีคำตอบให้แก่คำถามที่แม่ ๆ มักจะสงสัยกัน
ถ้าหากเรารู้ตัวว่าเริ่มตั้งครรภ์แล้ว ก็ควรจะเข้าฝากครรภ์ให้ไวที่สุด โดยไม่ให้เกิน 12 สัปดาห์ ด้วยหลังจากนี้ ทางแพทย์จะเริ่มนัดพบ เพื่อตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ
สามารถทำได้ ด้วยเราสามารถเข้าฝากครรภ์กับคลินิกที่ใกล้บ้านหรือกับแพทย์ประจำตัว เพื่อรับคำแนะนำและการดูแล แต่เมื่อถึงเวลาคลอด ทางคุณหมอก็ให้คุณแม่เลือกโรงพยาบาลที่คุณแม่ต้องการสำหรับการคลอดและพักฟื้น
สามารถทำได้ แต่ไม่แนะนำ เนื่องจากระยะเวลาในการตั้งครรภ์นานถึง 9 เดือน ซึ่งในแต่ละช่วงเวลาก็จะมีการดูแลทั้งแม่และบุตรที่แตกต่างกัน การฝากครรภ์จึงเป็นการดูแลสุขภาพของคุณแม่และติดตามพัฒนาการของลูกน้อยในครรภ์ ซึ่งถ้าหากไม่ฝากครรภ์ก็มีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนและแท้งบุตรได้
การฝากครรภ์ถือเป็นเรื่องที่สำคัญมากสำหรับคุณแม่ เพราะเป็นการเข้ารับการดูแลจากแพทย์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากการตั้งครรภ์ที่ใช้เวลานานถึง 9 เดือน ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนหรือความผิดปกติได้ตลอดเวลา ดังนั้น การที่หมั่นเข้าพบแพทย์อย่างเป็นประจำ ก็จะช่วยลดความเสี่ยงทางด้านสุขภาพได้เป็นอย่างดี
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที