วัตพล

ผู้เขียน : วัตพล

อัพเดท: 18 มี.ค. 2024 02.03 น. บทความนี้มีผู้ชม: 660941 ครั้ง

ผิวแห้งคัน ปัญหาคันยุบยิบที่รักษาให้หายได้


ไฮยาลูรอนโรนิค (Hyaluronic Acid) คืออะไร ช่วยในเรื่องใด?

ไฮยาลูรอนโรนิค (Hyaluronic Acid) นวัตกรรมช่วยเรื่องผิวในวงการเสริมความงาม

ไฮยาลูรอนโรนิค (Hyaluronic Acid) เป็นชื่อที่คุ้นหูหลาย ๆ คนจากวงการเสริมความงามต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นคลินิกเสริมความงาม ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของไฮยาลูรอนโรนิคหรือการนำไฮยาลูรอนิคเป็นส่วนผสมในขั้นตอนการบำรุงผิวพรรณ นอกจากนี้ยังมีความเชื่ออีกว่ายังช่วยชะลอความแก่และเพิ่มความอ่อนเยาว์ให้กับผิวอีกด้วย             


ไฮยาลูรอนโรนิค (Hyaluronic Acid) หรือไฮยาลูรอนที่เรารู้จักคืออะไร

ไฮยาลูรอนโรนิค หรือ hyaluronicacid คือ สารที่สำคัญต่อร่างกายที่สามารถสร้างขึ้นเองได้ตามธรรมชาติแต่ยิ่งมีอายุมากยิ่งขึ้นก็จะผลิตได้น้อยลงหรือช้าลง ซึ่งทั้งหมดนี้ก็จะขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลหรือวิธีการดำรงชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการโดนรังสียูวี การดื่มแอลกอฮอล์ หรือเวลาในการพักผ่อนก็เป็นส่วนหนึ่งของการผลิตไฮยาลูรอนโรนิค (Hyaluronic Acid) ในร่างกาย


ไฮยาลูรอนโรนิคมีส่วนผสมที่ทำมาจากอะไร?

hyaluronic acid เป็นสารธรรมชาติภายในร่างกายที่มีส่วนประกอบเป็นโมเลกุลของน้ำตาลที่เรียกว่า Polysaccharide ที่สามารถพบได้ในเนื้อเยื่อของร่างกายและถูกสร้างขึ้นเองตามธรรมชาติ


ไฮยาลูรอนมีวิธีการทำงานอย่างไร?

ไฮยาลูรอนมีคุณสมบัติและวิธีการทำงานที่ช่วยร่างกายของเราได้มากเลยทีเดียว โดยไฮยาลูรอนมีคุณสมบัติที่อุ้มน้ำได้เป็นอย่างดี ซึ่งในครีมบำรุงหลายชนิดก็นำไฮยาลูรอนเป็นหนึ่งในส่วนผสมอีกด้วย เท่านั้นยังไม่พอไฮยาลูรอนยังช่วยกรองรังสี UV เพื่อลดริ้วรอยและป้องกันไม่ให้เกิดผิวหนังที่คล้ำเสีย นอกจากนี้ยังเป็นตัวช่วยสำคัญที่ลดการสร้างอนุมูลอิสระและตรึงคอลลาเจนในชั้นผิวหนังแท้ได้เป็นอย่างดี


ไฮยาลูรอน ช่วยอะไร

ไฮยาลูรอนโรนิค (Hyaluronic Acid) ช่วยรักษาและบำรุงผิวพรรณ

 

ไฮยาลูรอนโรนิค (Hyaluronic Acid) มีประโยชน์และมีความสำคัญต่อร่างกายมาก เพราะสามารถดูแลหรือรักษาโรคต่าง ๆ ได้ นอกจากนี้ยังเป็นส่วนผสมที่สำคัญต่อผลิตภัณฑ์ทางด้านความงามได้อีกด้วย โดยไฮยาลูรอนโรนิคมีประโยชน์ ดังนี้
 


การใช้ไฮยาลูรอนโรนิคส่งผลอันตรายไหม?

ไฮยาลูรอนโรนิค (Hyaluronic Acid) เป็นสารที่ปลอดภัยต่อร่างกายเนื่องจากเป็นสารที่ถูกสร้างขึ้นเองได้ตามธรรมชาติของร่างกาย ดังนั้นการสร้างไฮยาลูรอนเลียนแบบขึ้นมาก็จะไม่มีอันตรายต่อร่างกายอย่างแน่นอน แต่อย่างไรก็ตามก็ควรใช้ในปริมาณที่เหมาะสมไม่ว่าจะเป็นการทาบนผิวหนังหรือฉีดเข้าร่างกายก็ตาม อีกทั้งควรศึกษาส่วนผสมหรือข้อดีข้อเสียของการฉีดไฮยาลูรอนก่อนทุกครั้ง เนื่องจากส่วนผสมบางอย่างก็อาจจะทำให้เกิดอาการแพ้แบคทีเรียสังเคราะห์ที่นำมาใช้ในสารนี้ได้ และสำหรับหญิงตั้งครรภ์ ผู้ป่วยโรคมะเร็ง หรือผู้ที่เคยป่วยเป็นโรคมะเร็งก็อาจจะส่งผลให้เซลล์มะเร็งเจริญเติบโตขึ้นได้เร็วกว่าปกติ เพราะฉะนั้นต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนจะใช้ทุกครั้ง


ไฮยาลูรอน กินได้ไหม?

ไฮยาลูรอนกินได้หรือไม่? ซึ่งความจริงแล้วผลิตภัณฑ์อาหารเสริมบางชนิดก็อาจจะมีส่วนผสมของไฮยาลูรอนโรนิค (Hyaluronic Acid) อยู่ก็ได้ แต่อาจจะไม่สามารถพบเห็นได้ทั่วไปหรืออาจจะยังไม่แพร่หลายในกลุ่มคนที่ทานอาหารเสริม เนื่องจากสามารถใช้ได้เฉพาะกลุ่มเท่านั้น เช่น ผู้ป่วยโรคข้อกระดูกอักเสบที่ต้องได้รับไฮยาลูรอนเพื่อบรรเทาอาการปวดหัวเข่า ซึ่งจะต้องได้รับยาตามขนาดและปริมาณที่แพทย์กำหนด


ข้อดีการฉีดไฮยาลูรอนโรนิค

ไฮยาลูรอนโรนิค (Hyaluronic Acid) ช่วยเติมเต็มในส่วนที่เกิดร่องลึกบนใบหน้า

 

ข้อดีของการฉีดไฮยาลูรอนโรนิค (Hyaluronic Acid) เป็นการแก้ปัญหาที่ตรงจุดและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญต่างก็แนะนำเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นปัญหาร่องลึกบริเวณร่องแก้มหรือบริเวณอื่น ๆ ก็จะเห็นผลได้ทันที อีกทั้งยังมีรอยแผลเล็กน้อยหรือแทบจะไม่มีเลย นอกจากจะช่วยลดริ้วรอยแล้วยังช่วยลดความหมองคล้ำในบริเวณที่ฉีดได้อีกด้วย ซึ่งจะทำให้ผิวมีความชุ่มชื้น สดใสและดูอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น


ข้อจำกัดการฉีดไฮยาลูรอนโรนิค

การเลือกฉีดไฮยาลูรอนโรนิค (Hyaluronic Acid) ควรเลือกฉีดในปริมาณที่เหมาะสมหรือตามคำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เนื่องจากถ้าหากได้รับในปริมาณที่น้อยเกินไปก็อาจจะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง หรือหากได้รับปริมาณที่มากเกินไปก็อาจจะส่งผลเสียต่อร่างกายได้เช่นกัน และอย่าลืมที่จะศึกษาข้อมูลของยี่ห้อไฮยาลูรอนโรนิคก่อนทุกครั้งว่ามีข้อดีและข้อเสียอะไรบ้าง


สรุป

ไฮยาลูรอนโรนิค (Hyaluronic Acid) ถือว่ามีทั้งข้อดี มีประโยชน์ต่อร่างกาย และยังช่วยสร้างความมั่นใจให้กับคนที่มีความกังวลในเรื่องผิวพรรณในด้านผิวแห้ง ขาดความชุ่มชื้น หรือบริเวณใบหน้าที่มีปัญหาร่องลึกอย่างเห็นได้ชัด เพราะไฮยาลูรอนมีคุณสมบัติที่ช่วยต่อต้านริ้วรอยและเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับบริเวณผิวที่เกิดร่องลึกหรือใต้ตาคล้ำได้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้ยังช่วยรักษาบาดแผลหรือรักษาโรคได้อีกด้วย เช่น โรคข้อเข่าเสื่อม หรือโรคที่เกี่ยวกับกระดูก อีกทั้งไฮยาลูรอนยังมีคุณสมบัติในการต่อต้านอนุมูลอิสระที่ทำหน้าที่ป้องกันมลภาวะต่าง ๆ รวมไปถึงรังสี UV อีกด้วย แต่การใช้งานก็ควรอยู่ในปริมาณที่เหมาะสมและเลือกแบรนด์ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองว่าปลอดภัยและไม่อันตรายหรือมีสารตกค้างในร่างกาย ดังนั้นเพื่อให้การใช้ไฮยาลูรอนโรนิค (Hyaluronic Acid) มีประสิทธิภาพมากที่สุด ตัวผู้ใช้เองก็ควรศึกษาขั้นตอนหรือกระบวนการฉีด และศึกษาแบรนด์ผลิตภัณฑ์สำหรับการฉีด หรือปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจฉีดไฮยาลูรอนก่อนทุกครั้ง


 

 


บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที