วัตพล

ผู้เขียน : วัตพล

อัพเดท: 18 มี.ค. 2024 02.03 น. บทความนี้มีผู้ชม: 661073 ครั้ง

ผิวแห้งคัน ปัญหาคันยุบยิบที่รักษาให้หายได้


โรคไมเกรน ไม่น่ากลัวอย่างที่คิดหากรู้วิธีรับมือที่ถูกต้อง

ด้วยสภาพเศรษฐกิจและสภาพแวดล้อมดังเช่นในปัจจุบันนี้ เป็นการยากที่คนในวัยทำงานจะมีสุขภาพกายและสุขภาพใจที่แข็งแรงสมบูรณ์ดี การต้องแข่งขันกันทั้งทางการศึกษา และอาชีพการทำงานทำให้เกิดความเครียดมากขึ้นในการดำเนินชีวิตประจำวัน จึงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ว่าคนที่เป็นโรคไมเกรนมีแต่จะเพิ่มมากขึ้น

การปวดหัวไมเกรนก็นับเป็นความเจ็บป่วยทางร่างกายอีกประเภทหนึ่งที่พบกันได้บ่อยยิ่งขึ้นโดยเฉพาะในกลุ่มคนทำงาน ซึ่งต้องประสบกับความเครียดที่สะสมกันมาอย่างต่อเนื่อง เราควรมาทำความเข้าใจและหาทางป้องกันอาการปวดหัวไมเกรนพร้อม ๆ กัน

โรคไมเกรน ไม่น่ากลัวอย่างที่คิดหากรู้วิธีรับมือที่ถูกต้อง


โรคไมเกรน (Migraine) คืออะไร

หากมีอาการปวดหัว เราต้องแน่ใจว่าก่อนอาการปวดหัวที่เป็นอยู่นั้น เป็นอาการที่เกิดจากโรคไมเกรนหรือเปล่า เพื่อจะได้หาแนวทางรักษาที่ถูกต้องเหมาะสมกับ เพื่อแก้ที่ต้นเหตุของอาการปวดนั้น

โรคไมเกรน Migraine คือ โรคปวดหัวเรื้อรัง ที่มักแสดงออกด้วยอาการปวดหัวข้างเดียว และอาจตามมาด้วยปวดหัวทั้งสองข้างในเวลาต่อมาได้ โดยมากคนที่จะเผชิญกับอาการโรคไมเกรนจะเป็นผู้ใหญ่ และเกิดกับผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย เพราะผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะมีอารมณ์เครียดสูงกว่าผู้ชาย

อย่างไรก็ตามอาการของโรคไมเกรนนั้นสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนทุกช่วงอายุ ตั้งแต่เด็กจนถึงผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ ทุกเพศทุกวัย แต่ค่อนข้างจะเกิดได้มากกับคนในวัยทำงาน เพราะคนกลุ่มนี้จะต้องเจอกับสิ่งกระตุ้นเร้า ทำให้เกิดความเครียดได้ตลอดเวลา 


สาเหตุของอาการปวดหัวไมเกรน

อาการปวดหัวไมเกรนเกิดจากความผิดปกติของระดับสารเคมีในสมอง ที่ไปกระตุ้นก้านสมองทำให้หลอดเลือดในเยื่อหุ้มสมองเกิดการบีบตัว และคลายตัวมากกว่าปกติ จนรู้สึกปวดหัวตุ๊บ ๆ พร้อมกับมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน แพ้แสง สรุปได้คร่าว ๆ ว่า ไมเกรนเกิดจากหลอดเลือดในสมองทำงานไม่ปกติ

สาเหตุของอาการปวดไมเกรน

1. โรคไมเกรนที่เกิดจากกรรมพันธุ์

ยังมีอีกทฤษฎีที่เชื่อว่าสาเหตุของอาการปวดหัวไมเกรนนั้นเกิดจากพันธุศาสตร์ ซึ่งสามารถถ่ายทอดกันได้ทางพันธุกรรม เพราะว่าอาการปวดหัวไมเกรนเป็นเรื่องของโครงสร้างของสมองในแต่ละบุคคล

2. การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย

3. ปัจจัยที่อาจทำให้เกิดการกระตุ้นไมเกรน

ปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้สามารถกระตุ้นการเกิดโรคไมเกรน มีดังนี้


โรคไมเกรนมักจะมีอาการอย่างไรบ้าง

ลักษณะเด่น ๆ ของโรคไมเกรน พอจะจำแนกออกได้ดังนี้


อาการปวดหัวไมเกรนต่างจากอาการปวดหัวธรรมดาอย่างไร

อาการปวดหัวไมเกรน และอาการปวดหัวธรรมดา จะมีความแตกต่างกันอยู่ โดยมีรายละเอียดอยู่ด้วยกัน ดังนี้ 

อาการปวดหัวไมเกรนต่างจากอาการปวดหัวธรรมดาอย่างไร

อาการปวดหัวธรรมดา

จะเป็นอาการปวดแบบตื้อ ๆ ที่ไม่รุนแรง และไม่มีอาการข้างเคียงร่วมด้วย แต่ถ้าได้รับการ

พักผ่อนนอนหลับเป็นระยะเวลาหนึ่ง ก็จะดีขึ้นหรือหายไปได้เอง อาการดังกล่าวสามารถเกิดได้เมื่อร่างกายอ่อนแอ เป็นไข้ หรืออาจเป็นเพราะความผิดปกติของส่วนต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น ไซนัส หรือ หลอดเลือดสมอง เป็นต้น

อาการปวดหัวไมเกรน 

จะมีอาการปวดตุบ ๆ เป็น ระยะ ๆ แต่บางครั้งก็อาจปวดตื้อ ๆ ความรุนแรงของอาการปวดนั้นจะมีตั้งแต่ปานกลางจนถึงมาก โดยจะค่อย ๆ รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ แล้วก็จะบรรเทาลงจนหายปวดเอง ซึ่งจะมีอาการปวดหัวข้างใดข้างหนึ่ง บางรายนอกจากปวดหัว


4 ระยะของโรคไมเกรน ที่ควรศึกษาไว้ ให้พร้อมรับมือ

เราสามารถจำแนกอาการปวดหัวไมเกรนออกตามลักษณะการแสดงอาการ ได้เป็น 4 ระยะ ด้วยกันคือ

4 ระยะของโรคไมเกรน

1. ระยะก่อนมีอาการ (Prodrome) 

มักเกิดขึ้นก่อนประมาณ 1-2 วันก่อนที่จะมีอาการปวดหัวไมเกรน เช่น ปวดตึงตามต้นคอ หรือ มีอารมณ์แปรปรวน บวมน้ำ ปัสสาวะบ่อย เป็นต้น

2. ระยะอาการเตือนนำ (Aura) 

อาการไมเกรนเริ่มต้นประมาณ 20-40 นาที ก่อนหรือระหว่างปวดหัว อาจเกิดหรือไม่เกิดขึ้นก็ได้แล้วแต่คน ๆ ไป หากมีอาการโดยมากจะเป็นไมเกรนขึ้นตา เช่น มีการมองเห็นที่ผิดปกติ เห็นแสงระยิบระยับ หรือ เห็นแสงไฟสีขาวมีขอบหยึกหยัก หรือ เห็นภาพเบลอ ๆ บิด ๆ เบี้ยว ๆ และอ่อนแรง เป็นต้น

3. ระยะปวดศีรษะ (Headache) 

เป็นช่วงที่โรคไมเกรน จะมีอาการปวดที่รุนแรงที่สุด ซึ่งเป็นจุดเด่นของอาการปวดไมเกรน โดยอาการปวดหัวไมเกรน จะปวดแบบตุ๊บ ๆ อาจเป็นปวดหัวข้างเดียว จนกระทั่งไม่สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ นอกจากปวดหัวไมเกรนแล้วอาจตามด้วยอาการข้างเคียงเช่น คลื่นไส้ อาเจียน แพ้ต่อสิ่งเร้า เช่น แสงจ้า เสียงดัง เป็นต้น อาการในระยะนี้จะกินเวลาประมาณ 4-24 ชั่วโมง

4. ระยะหลังมีอาการ (Postdrome) 

หลังจากอาการปวดไมเกรนที่รุนแรง หมดลงแล้ว อาการที่จะตามมา ก็คือ อาการอ่อนเพลีย วิงเวียน สับสน แถมยังไวต่อสิ่งเร้าดั่งอาการในช่วงที่สาม อาการระยะสี่นี้สามารถอยู่ได้นานเป็นวัน


ปวดหัวไมเกรน เมื่อไหร่ควรเข้าไปพบแพทย์ทันที

เมื่อไหร่ก็ตามที่พบว่ามีอาการปวดหัวไมเกรนในระดับรุนแรง และอาการข้างเคียงอื่น ๆ แนะนำให้เข้าพบแพทย์เพื่อรับการรวินิจฉัยโดยด่วนเพื่อที่จะได้หาวิธีรักษาอาการปวดแต่เนิ่น ๆ 

อาการไมเกรนรุนแรงนั้น จะทำให้ผู้ป่วยรู้สึกป่วยมากจนทำงานประจำไม่ได้ การเคลื่อนไหว แม้แต่การขึ้นลงบันไดก็ทำให้รู้สึกปวดอย่างมาก ซึ่งถ้าหากปล่อยทิ้งไว้ก็จะกลายเป็นไมเกรนเรื้อรังได้


แนวทางในการรักษาโรคไมเกรน

แนวทางในการรักษาโรคไมเกรนนั้น ที่สำคัญสุดก็คือ การบรรเทาอาการปวดหัวด้วยการลดความถี่หรือไม่ให้เกิดขึ้นเลย โดยไม่จำเป็นต้องใช้ยา แต่ใช้วิธีรักษาไมเกรนเบื้องต้น ซึ่งอาจไม่ได้ผลกับรายที่มีอาการรุนแรง จึงจำเป็นต้องพึ่งพาแพทย์ที่อาจจะต้องจ่ายยาไมเกรนก็ได้ แต่หากสามารถหาวิธีป้องกันได้ย่อมดีกว่าต้องคอยตามบรรเทาอาการปวดเมื่อเกิดอาการ

1. การรักษาไมเกรนเบื้องต้น

วิธีการรักษาไมเกรนเบื้องต้นนั้น หากรู้สาเหตุและมีอาการปวดหัวที่ยังไม่ค่อยจะรุนแรง ก็ยังสามารถทำการดูแลรักษาเองได้ในเบื้องต้น ด้วยวิธีต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

การประคบเย็นรักษาไมเกรน

เป็นวิธีการรักษาไมเกรนเบื้องต้น ที่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง ด้วยการใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำเย็นประคบหน้าผาก หรือผ้าชุบน้ำอุ่นประคบบริเวณท้ายทอย จะช่วยทำให้หลอดเลือดหดตัว ที่ทำให้อาการไมเกรนลดความรุนแรงลง

วิธีนี้สามารถทำเองได้ด้วยการปรับพฤติกรรมของตัวเอง เช่น

  1. หลีกเลี่ยงปัจจัยที่จะมากระตุ้นอาการไมเกรน เช่น พักผ่อนไม่เพียงพอ ก็เพียงแค่นอนหลับให้มากขึ้น และเป็นเวลา ,
  2. ควรออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอ ไม่หักโหม เช่น เดินเร็ว
  3. หยุดพักทุกกิจกรรมเป็นเวลา 10-20 นาที เมื่อใดก็ตามที่เริ่มจะรู้สึกปวดหัวไมเกรน

ใช้วิธีกินสมุนไพรเพื่อลดไมเกรน เช่น ชงผงขิงกินเพื่อให้ผ่อนคลาย ลดเครียด บรรเทาอาการปวดหัวไมเกรนได้

สามารถใช้วิธีนวดกดจุดเพื่อช่วยบรรเทาอาการปวดหัวไมเกรนได้ ลดอาการตึงตรงกล้ามเนื้อคออีกด้วย โดย

กดจุดบริเวณเหนือสันมือ (มาทางข้อพับ) ประมาณ 3 นิ้ว ประมาณ 5 นาที หรือใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้กดระหว่างนิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้ของอีกข้างหนึ่ง กดประมาณ 5 นาที

2. การรักษาไมเกรนทางการแพทย์

บางครั้งอาจต้องพึ่งพาแพทย์ให้คำวินิจฉัยในการลดอาการปวดไมเกรนที่รุนแรง เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพร่างกาย และสาเหตุของไมเกรน โดยไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เช่น

รักษาไมเกรน ด้วยโบท็อกไมเกรน

กรณีที่มีอาการปวดไมเกรนรุนแรง แพทย์อาจใช้วิธีฉีดยาไมเกรนเข้าทางใต้ผิวหนังเพื่อลดความรุนแรงของอาการปวดไมเกรน เหมาะกับผู้ป่วยไมเกรนเรื้อรัง

เป็นที่เข้าใจกันว่า โรคไมเกรนตอบสนองต่อยารักษาไมเกรนได้ดี ดังนั้นแพทย์จึงได้แนะนำให้ใช้

ถ้าปวดไมเกรนแบบไม่รุนแรง : ให้กินยาพาราเซตามอลเพื่อบรรเทาปวด

ถ้าปวดไมเกรนแบบรุนแรงมาก : ให้เลือกใช้ยากลุ่ม NSAIDs เช่น naproxen, etoricoxib เป็นต้น หรือจะเลือกใช้กลุ่มยาเฉพาะโรคไมเกรน เช่น กลุ่มยาทริปแทน กลุ่มยาเออร์กอต แอลคาลอยด์ เป็นต้น

เป็นยาฉีดคลายกล้ามเนื้อเรียกว่า Botox ทำโดยแพทย์ทุก ๆ 12 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการเกิดไมเกรน

เป็นวิธีรักษาแบบแพทย์แผนจีนที่มามาอย่างยาวนาน เป็นการฝังเข็มตามจุดต่าง ๆ ของร่างกายเพื่อให้เลือดไหลเวียนได้สะดวก และลดอาการปวดไมเกรนลง


โรคไมเกรนสามารถป้องกันอย่างไรได้บ้าง

อย่างไรก็ตาม คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยโรคไมเกรนย่อมโดนผลกระทบจากอาการปวดหัวไมเกรนมาก ๆ ถึงแม้จะไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสมองก็ตาม แต่ย่อมส่งผลเป็นระยะยาวทำให้การดำเนินชีวิตประจำวันไม่สะดวกสบาย ราบรื่นอย่างที่ควรจะเป็น ดังนั้นการเข้าพบแพทย์เพื่อหาแนวทางการรักษาให้ถูกต้อง ก็สามารถช่วยลดความถี่ในการเกิดไมเกรนได้ เช่น


ควรเข้ารักษาไมเกรนที่ไหนดี

ปัจจุบันสำหรับผู้ที่ป่วยเป็นโรคไมเกรนสามารถเข้ารับการรักษาจากแพทย์เฉพาะทางได้แล้ว โดยมีศูนย์รักษาไมเกรนโดยเฉพาะที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจากประเทศไทยและประเทศสหรัฐอเมริกา มามากกว่า 10 ปีแล้ว

ศูนย์รักษาไมเกรนนี้ควรเป็นที่รู้จักและได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า พร้อมสถานพยาบาลก็สะอาด ถูกสุขอนามัย เดินทางไปมาได้สะดวก มีแพทย์เฉพาะทางด้านสมองที่มีความเชี่ยวชาญด้านไมเกรนไว้คอยให้คำแนะนำ คำปรึกษา พร้อมดูแลตั้งแต่เริ่มรักษาจนจบกระบวนการ ในราคาที่จับจ่ายได้

ศูนย์ที่ทางเราพร้อมแนะนำก็คือ BTX Migrane Center ที่สามารถติดต่อขอทราบรายละเอียดได้ที่ # 090-970-0447

สรุป

โรคไมเกรนสามารถที่จะบรรเทาอาการและป้องกันการปวดหัวไมเกรนได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้ยา หากอาการนั้นยังไม่รุนแรงมากนัก แต่ก็ขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของแพทย์ เพราะคนไข้แต่ละรายก็แตกต่างกันไป ซึ่งส่งผลต่อวิธีการรักษา ประเภทยารักษา ขนาดยาที่ต้องได้รับ แต่หากยายังไม่สัมฤทธิผล แพทย์ก็ยังสามารถหาวิธีรักษาแบบอื่น ๆ ได้ที่เหมาะสมกับแต่ละสาเหตุ


บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที