ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายก็ตาม หากประสบกับปัญหาสิวขึ้นบนใบหน้า ก็จะรู้สึกกระวนกระวาย ขาดความมั่นใจในการดำเนินชีวิตประจำวัน และเป็นสาเหตุให้เสียภาพลักษณ์ได้ ในขณะที่การมีใบหน้าเกลี้ยงเกลาสะอาดหมดจดนั้น จะเพิ่มข้อได้เปรียบในการมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น ๆ รอบข้าง และสะดวกราบรื่นกว่า ดังนั้นเรามาเจาะลึกเกี่ยวกับ รอยสิว กันจะได้รับมือได้อย่างถูกวิธี
รอยสิว คือ รอยแผลเป็นที่เหลือทิ้งไว้เป็นร่องรอยที่บ่งบอกว่าเคยเป็นสิวอักเสบ หรือสิวอุดตันรูขุมขนบนใบหน้าเป็นส่วนใหญ่ ถ้าเป็นสิวอักเสบชนิดรุนแรง ก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงที่จะทิ้งร่องรอยแผลเป็นได้มากขึ้น
ลักษณะรอยสิวที่เกิดขึ้นนั้นมีแตกต่างกันไป ทั้งนี้ขึ้นกับชนิดของสิวอักเสบ หากว่าเป็นรอยสิวอักเสบทั่วไปก็จะจางหายไปเองเมื่อเวลาผ่านไป แต่ถ้าหากเป็นรอยหลุมลึก ก็อาจจะเป็นต้องเข้ารับคำแนะนำจากแพทย์เพื่อรักษาให้หาย
รอยแดงเกิดจากกระบวนการฟื้นฟูผิวหนังที่มีการอักเสบจนกลายเป็นสิวอักเสบ เพื่อที่จะได้ซ่อมแซมเนื้อเยื่อจึงทำให้หลอดเลือดใต้ผิวหนังเกิดการขยายตัว จนผิวหนังกลายเป็นสีแดง และถ้าหากรักษาไม่ถูกวิธีอาจทำให้กลายเป็นรอยแดงถาวรได้ ส่วนใหญ่รอยแดงเกิดจากการบีบสิว / กดสิว / แกะสิว
รอยดำเกิดจากการที่ผิวหนังอักเสบหรือระคายเคือง ไปกระตุ้นให้มีเมลานินมากกว่าปกติ รอยดำนี้จะเกิดบริเวณชั้นผิวหนังแท้ ซึ่งหมายความว่าการรักษาจะยากและนานกว่ารอยแดง นอกเหนือจากสิวที่เป็นสาเหตุแล้ว รอยดำอาจเกิดจากใช้เลเซอร์ หรือ ใช้แสงบำบัดผิวหนัง ก็เป็นได้ เช่นเดียวกับรอยแดง โดยมากรอยดำก็เกิดจากการบีบสิว / กดสิว / แกะสิว เช่นกัน
รอยสิวชนิดนี้ เกิดจากสิวอักเสบ หรือสิวหัวช้าง จึงควรได้รับการรักษารอยสิวเร่งด่วน เนื่องจากรอยหลุมสิวนั้นไม่สามารถหายไปเองได้ เพราะความเสียหายได้เกิดขึ้นในชั้นผิวระดับลึกจากผิวหนัง รอยหลุมสิวจำแนกออกเป็น
สาเหตุของการเกิดรอยสิว ย่อมมาจากการอักเสบของผิวที่มาจากการเป็นสิวอักเสบ หากเป็นสิวทั่ว ๆ ไป รอยสิวจะจางหายไปเองเมื่อรักษาสิวหายแล้ว แต่ถ้าเป็นสิวขั้นปานกลางถึงรุนแรง หลังผ่านกระบวนการฟื้นฟูผิว ก็จะทิ้งร่องรอยที่ชั้นผิวถูกทำลายกลายเป็นรอยดำรอยแดงจากสิว และถ้าบีบ/กดสิวอย่างรุนแรงก็จะเกิดเป็นบาดแผลในชั้นผิวลึกขึ้นจนเกิดเป็นรอยหลุมสิวได้
กลไกการทำงานของผิวที่ทำให้เกิดรอยสิว ก็คือ ต่อมไขมันในผิวผลิตไขมันออกมามากเกินไป เกิดการอุดตันในรูขุมขนที่มาจากน้ำมันผิวหนัง เซลล์ผิวที่ตายแล้ว บวกกับแบคทีเรีย จนก่อให้เกิดผิวอักเสบจนเป็นสิวขึ้นมา หลังจากนั้นร่างกายก็จะอัตโนมัติ ฟื้นฟูสภาพผิวหนังที่บาดเจ็บจากสิวอักเสบ ด้วยการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ หากสร้างน้อยไปก็เกิดเป็นรอยหลุมสิว หากสร้างมากไปก็จะกลายเป็นคีลอยด์จากสิว
เนื่องจากผิวของแต่ละคนก็แตกต่างกันไป การตอบสนองต่อการรักษารอยสิวก็อาจไม่เหมือนกัน อาจมีหรือไม่มีอาการแพ้รุนแรงก็เป็นได้ ดังนั้นต้องระมัดระวังในการเลือกใช้วิธีรักษาที่เหมาะกับรอยสิวและผิวของแต่ละคน
วิธีนี้ควรที่จะปรึกษาแพทย์ หรือ เภสัชกรถึงตัวเลือกที่เหมาะสม พร้อมขั้นตอนการใช้งานก่อนเสมอ
วิธีนี้ใช้รักษา : รอยดำสิว รอยแดงสิว รอยหลุมสิว
การฉีดฟิลเลอร์เพื่อรักษารอยสิว ทำเพื่อเติมเต็มรอยหลุมสิวให้ดูตื้นขึ้น เรียบเนียน แต่วิธีนี้อยู่ไม่คงทน ดังนั้นจำเป็นต้องมีการฉีดซ้ำเมื่อฟีลเลอร์ที่ฉีดเข้าไปแล้วสลายตามคุณภาพของฟีลเลอร์นั้น ๆ วิธีนี้ควรให้แพทย์เป็นผู้ลงมือรักษาเพื่อจะได้ใช้ในปริมาณที่เหมาะสมและฉีดตรงตำแหน่งที่ถูกต้องด้วยฟีลเลอร์ของแท้เท่านั้น
วิธีนี้ใชรักษา : รอยหลุมสิว
เพื่อลอกผิวหนังชั้นนอกที่เสียหายออกไป จะได้กระตุ้นเซลล์ผิวใหม่ในผิวชั้นกลาง วิธีนี้จะเห็นผลก็ต่อเมื่อผ่านไปแล้วหลายวัน และต้องทำโดยแพทย์ผิวหนังที่เชี่ยวชาญเท่านั้น ในคลินิกที่ถูกกฎหมาย และได้มาตรฐาน เพื่อป้องกันการติดเชื้อได้
วิธีนี้ใช้รักษารอยดำสิว : รอยแดงสิว
การบำบัดด้วยความเย็น เพื่อรักษาหลุมสิวจะใช้เครื่องพ่นไนโตรเจนเหลว หรือคาร์บอนไดออกไซด์อุณหภูมิต่ำ โดยแพทย์ผิวหนังที่เชี่ยวชาญไปยังบริเวณที่ต้องการรักษาเป็นเวลาสั้น ๆ เพื่อให้ผิวบริเวณรอยแผลเป็นตาย จะได้สร้างเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาแทนที่
วิธีนี้ใช้รักษา : รอยดำสิว
การลงเข็มรักษาหลุมสิว จะใช้เข็มเล็ก ๆ ทิ่มไปบนผิวหนังบริเวณรอยสิวให้เกิดเป็นแผลเล็ก ๆ ที่จะช่วยให้ร่างกายกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินเพื่อสมานบาดแผล วิธีนี้ช่วยรักษารอยแผลจากสิวอักเสบได้
วิธีใช้รักษา : รอยหลุมสิว
การรักษาหลุมสิวด้วยการใช้กรดลอกผิว กรดที่ใช้จะประกอบด้วยกรด Glycolic Acid, Salicy Acid และ Trichloacetic Acid จะช่วยสลายโปรตีนผิวหนังชั้นนอก
วิธีใช้รักษา : รอยดำสิว , รอยแดงสิว , รอยหลุมสิว
วิธีนี้ค่อนข้างสิ้นเปลืองเงินทองและเวลาในการพักฟื้น เพราะเป็นการรักษาโดยการตัดรอยแผลสิวออกไป หลังจากนั้นก็จะทำการเย็บผิวหนังให้ติดกันโดยแพทย์ วิธีนี้เหมาะกับการรักษารอยหลุมสิวที่มีขนาดใหญ่และลึก
วิธีนี้ใช้รักษา : รอยหลุมสิว
ปรึกษาแพทย์ผิวหนังที่เชี่ยวชาญ เพราะแพทย์จะสามารถวิเคราะห์รอยสิวว่าเป็นประเภทไหน รุนแรงแค่ไหน ควรรักษาด้วยวิธีใดจึงจะได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ
หากว่าเป็นรอยสิวธรรมดาทั่วไป ก็สามารถรักษาให้หายได้ แต่หากเป็นสิวชนิดรุนแรงที่ทำร้ายผิวหนัง ก็ไม่สามารถรักษาให้หมดไปได้ แต่จะค่อย ๆ จางไปตามกาลเวลา
รอยสิวชนิดรุนแรงที่ก่อให้เกิดรอยหลุมลึกนั้น จำเป็นต้องรักษาด้วยยาและด้วยการปฏิบัติตามคำแนะนำจากแพทย์ผิวหนังที่เชี่ยวชาญ หรือเภสัชกร ในการช่วยลบเลือนรอยสิว
สำหรับคนที่เป็นสิวอยู่เรื่อย ๆ นั้น จะดีมากถ้ารู้จักวิธีดูแลรักษาความสะอาดเบื้องต้น เพื่อป้องกันไม่ให้สิวที่เป็นอยู่นั้น เกิดลุกลามจนกลายเป็นรอยสิว ซึ่งจะสร้างปัญหาให้คอยแก้ไขตามหลังที่ใช้เวลามาก และยากกว่าจะเลือนหาย เช่น รอยดำสิว รอยแดงสิว หรือ รอยหลุมสิว เป็นต้น
วิธีป้องกันการเกิดรอยสิวที่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง มี
การรักษารอยสิวนั้นสำคัญมากเพราะว่าอยู่บนใบหน้า มีอิทธิพลต่อภาพลักษณ์ของทุก ๆ คน ดังนั้นการที่จะให้ความสำคัญต่อสถานที่ที่จะเข้าไปรับการรักษาก็เป็นสิ่งสมควรจะทำ
สิ่งแรกที่ต้องมองหาก็คือ ต้องเป็นสถานพยาบาลที่น่าเชื่อถือ มีใบอนุญาตให้ดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย สะอาด ปลอดภัย ตัวยาต้องผ่านการรับรองจาก อย. แล้ว เครื่องมือแพทย์ที่ใช้ทันสมัย ทำการรักษาโดยแพทย์ผิวหนังที่มีความเชี่ยวชาญ สุดท้ายควรเป็นคลีนิกที่ได้รับการรีวิวกล่าวถึงเป็นอย่างมากถึงความเชี่ยวชาญ ความสำเร็จจากโลกออนไลน์
การทำความเข้าใจถึงกลไกการเกิดรอยสิว ประเภทของรอยสิว รู้ถึงสาเหตุการเกิด พร้อมกับหาวิธีรักษารอยสิวที่เหมาะสมและถูกวิธีจากแพทย์ผู้เขี่ยวชาญ ก็จะทำให้รอยสิวจางหายเร็วยิ่งขึ้น และเพื่อไม่ให้เกิดรอยสิวซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็ควรที่หาวิธีป้องกันดีกว่าต้องมาเจอกับสภาพ “วัวหายแล้วล้อมคอก” อีกในอนาคต
ขอขอบคุณเนื้อหาดีๆ จาก https://www.mvitaclinic.com/
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที