วัตพล

ผู้เขียน : วัตพล

อัพเดท: 18 มี.ค. 2024 02.03 น. บทความนี้มีผู้ชม: 672319 ครั้ง

ผิวแห้งคัน ปัญหาคันยุบยิบที่รักษาให้หายได้


ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา แก้ปัญหาริ้วรอย ถุงใต้ตาได้ง่าย ๆ มีความปลอดภัยสูง

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

ในปัจจุบันการดูแลรักษาใบหน้าจากริ้วรอยเป็นสิ่งที่สำคัญ เนื่องจากต้องพบเจอผู้คนในสังคม ซึ่งจุดหนึ่งที่สำคัญในใบหน้าคือบริเวณใต้ตา โดยมีวิธีที่สามารถลดริ้วรอย รวมไปถึงถุงใต้ตาอยู่หลายวิธี หนึ่งในนั้นคือการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เพื่อทำให้ใบหน้าโดยรวมสดใสมากขึ้น และทำให้ดูเด็กลง

ซึ่งการฉีดใต้ตา เป็นนวัตกรรมที่ฉีดสารเติมเต็มร่องใต้ตา สามารถแก้ปัญหาใต้ตาได้หลากหลาย เห็นผลไวและตรงจุด นิยมใช้สำหรับฟื้นฟูบริเวณรอบดวงตา ลดริ้วรอยหมองคล้ำ และถุงใต้ตา แต่มีปัญหาตรงที่เป็นตำแหน่งที่หลายคนไม่กล้าฉีด เพราะบริเวณใต้ตาเป็นผิวส่วนที่บอบบางที่สุดในร่างกาย รวมถึงอยู่ใกล้กับดวงตา ซึ่งกลัวว่าอาจทำให้ตาบอดได้

ในบทความนี้จะมาหาคำตอบว่า ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาคืออะไร อันตรายหรือไม่ การดูแลรักษาหลังจากการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาว่าต้องทำอย่างไร รวมถึงผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้หลังจากการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา


การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาคืออะไร 

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา คือ การฉีดสารไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) เข้าไปเติมเต็มบริเวณใต้ตาในจุดที่มีปัญหา เช่น ขอบตาดำ เบ้าตาลึก ใต้ตาคล้ำ ถุงใต้ตา ซึ่งฟิลเลอร์จะมีคุณสมบัติอุ้มน้ำและช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวได้ดี การฉีดใต้ตาจะเติมเต็มร่องลึกบริเวณใต้ตาให้ตื้นขึ้นได้อย่างเป็นธรรมชาติ


สาเหตุว่าทำไมถึงต้องฉีดฟิลเลอร์ที่ใต้ตา 

ใต้ตาคล้ำ หนึ่งในสาเหตุที่ต้องฉีดฟิลเลอร์ที่ใต้ตา

โดยการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นการแก้ปัญหา ขอบตาดำ เบ้าตาลึก ใต้ตาคล้ำ ใต้ตาเหี่ยวย่น ถุงใต้ตา เป็นต้น ซึ่งปัญหาเหล่านี้สามารถเกิดได้จาก การเป็นโรคภูมิแพ้ พันธุกรรม การเจริญเติบโตของกระดูกเบ้าตาที่ไม่ดี และสาเหตุของปัญหาที่พบมากที่สุด คือเรื่องของอายุที่มากขึ้น

ซึ่งพออายุของเราเพิ่มมากขึ้น อาจทำให้เกิดการสลายตัวของกระดูก หรือการที่กระดูกเจริญได้ไม่เต็มที่มาตั้งแต่ต้นจากพันธุกรรม ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาใต้ตาเหี่ยวย่นได้ เกิดจากกระดูกบริเวณเบ้าตาน้อยกว่าปกติ ไม่มีฐานรองรับไขมันใต้ผิวหนังที่ควรจะอยู่บริเวณใต้เบ้าตา ทำให้เบ้าตาเหี่ยวย่นจนดูมีอายุ

รวมถึงโรคภูมิแพ้ หรือการแพ้สารบางชนิด ก็อาจทำให้อักเสบใต้ผิวหนังบริเวณใต้ดวงตา ส่งผลให้เกิดปัญหาใต้ตาคล้ำที่ต้องแก้ไขด้วยการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา โดยอีกสาเหตุหนึ่งเกิดจากการที่ผิวบาง ซึ่งเป็นผลมาจากอายุที่มากขึ้น หรือลักษณะทางพันธุกรรม เช่นเดียวกับปัญหาใต้ตาเหี่ยวย่น

นอกจากปัญหาใต้ตาคล้ำและปัญหาใต้ตาเหี่ยวย่นแล้ว อีกปัญหาที่เป็นสาเหตุให้ต้องฉีดฟิลเลอร์ที่ใต้ตาคือมีถุงใต้ตาและตาโหล จากการที่กระดูกบริเวณเบ้าตาน้อย เพราะเมื่อกระดูกใต้เบ้าตาหายไป ไขมันที่ควรจะอยู่ในเบ้าตาก็จะเคลื่อนตัวออกมาอยู่ที่ใต้ตา ทำให้เกิดเป็นถุงใต้ตาเวลายิ้ม หรืออาจมองเห็นได้ตลอดเวลา จากนั้นไขมันที่ควรจะอยู่บริเวณร่องน้ำตาหรือเหนือดวงตาก็จะเคลื่อนตัวลงมาด้วย ส่งผลให้ดวงตาลึกโหลกว่าปกติ จนดูสุขภาพไม่ดีและดูอายุมากขึ้น

จากปัญหาที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ สามารถแก้ไขได้ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ซึ่งจะส่งผลทำให้ใต้ตาที่คล้ำดูสว่างขึ้น ใต้ตาที่เหี่ยวย่นดูเต่งตึงขึ้น ไขมันเคลื่อนกลับเข้าไปในเบ้าตาอย่างเก่า ส่งผลให้ถุงใต้ตาหายไป และดันให้ตาที่ลึกโหลกลับมาเต็มดังเดิม ซึ่งในกรณีที่อายุมาก ๆ สามารถฉีดฟิลเลอร์เข้าที่เหนือดวงตาและร่องน้ำตาเพิ่มเพื่อช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวได้อีกด้วย


การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา มีอันตรายหรือไม่

โดยปกติแล้วการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา หากเป็นฟิลเลอร์แท้ที่ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาหรือ อย.แล้ว จะมีความปลอดภัยสูง และมีโอกาสเกิดอันตรายน้อยมาก เนื่องจากฟิลเลอร์เป็นสารเติมเต็มประเภทไฮยารูรอน ที่ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย สามารถฉีดได้เรื่อย ๆ และสลายหมด 100% ประมาณ 6 – 18 เดือน จะไม่มีสารตกค้างภายในร่างกาย แต่หากเป็นฟิลเลอร์ปลอมจะไม่สามารถสลายได้หมด 100% โดยถ้าหากเกิดกรณีนี้ จะต้องแก้ไขด้วยการขูดฟิลเลอร์หรือผ่าตัดออกเท่านั้น

ซึ่งความกังวลส่วนใหญ่ในเรื่องการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตานั้น คือเรื่องอาการตาบอด โดยจะเกิดจากการที่ฉีดฟิลเลอร์เข้าไปแล้วพลาดเข้าในเส้นเลือดที่เลี้ยงจอประสาทตา ฟิลเลอร์ก็จะเข้าไปอุดตันเส้นเลือด ทำให้เลือดไม่สามารถไปหล่อเลี้ยงบริเวณดวงตา จนทำให้เกิดอาการตาพร่ามัวและตาบอดในที่สุด เพราะฉะนั้นจะต้องฉีดฟิลเลอร์ใต้ตากับแพทย์ที่มีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญสูง รู้เทคนิคการฉีดและตำแหน่งที่เหมาะสมเท่านั้น จึงจะปลอดภัย

รวมทั้งการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ต้องเลือกสถานพยาบาลที่สะอาด บริการดี รักษาทุกขั้นตอนโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่เป็นจักษุแพทย์ หรือแพทย์ผิวหนังจะทำให้ปลอดภัยมากขึ้นด้วย


เมื่อฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้ว ต้องดูแลอย่างไร

งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

โดยเมื่อฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้ว ต้องติดตามอาการและดูแลอย่างใกล้ชิด ซึ่งปฏิบัติได้ดังนี้

  1. ไม่ควรถูกแสงแดด เนื่องจากผิวจะไวต่อสิ่งกระตุ้นมากกว่าปกติ
  2. ควรอยู่ในที่เย็นตลอดเวลา ไม่ควรอยู่ในที่อุณหภูมิสูงหรือทำกิจกรรมกลางแจ้ง
  3. หลีกเลี่ยงการจับบริเวณใต้ดวงตาโดยไม่จำเป็น ไม่ควรกด นวด เพราะจะทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนและผิวช้ำกว่าเดิมได้
  1. ไม่ควรรับประทานอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ นมวัว อาหารรสจัด หวานจัด และเผ็ดจัด เพราะมีผลกับระบบเลือด และทำให้เสี่ยงเกิดแผลอักเสบติดเชื้อ
  2. ยังไม่ควรใช้ยา อาหารเสริม หรือสมุนไพร ที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด รวมทั้งยังไม่ควรออกกำลังกายจนเลือดสูบฉีดมากกว่าปกติ
  3. ช่วง 1 เดือนหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ไม่ควรทำเลเซอร์ใต้ตา และเลเซอร์ทุกชนิด
  4. งดสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  5. ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย สามารถช่วยให้ฟิลเลอร์ใต้ตาอยู่ได้นานขึ้นได้เล็กน้อย
  6. ไม่ควรอยู่ในที่ร้อนบ่อย ๆ อย่างห้องซาวน่า ร้านอาหารที่มีเตาร้อน เนื่องจากความร้อนจะทำให้ฟิลเลอร์เซ็ตตัวผิดปกติ และเสื่อมได้ไว

หรือหากหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วเกิดอาการตาบวม หรือเห็นฟิลเลอร์เป็นก้อน เพราะฟิลเลอร์ยังไม่เข้าที่ และอาการดังกล่าวจะหายเป็นปกติหลังจากผ่านไป 2 สัปดาห์ แต่หากอาการไม่ดีขึ้นและมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น รอบดวงตาเป็นสีแดงหรือช้ำมาก อาการแสบร้อน ก็ควรเข้ามาพบแพทย์ให้เร็วที่สุด


ผลข้างเคียงที่มักพบได้จากการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

โดยผลข้างเคียงจากการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา สามารถเกิดขึ้นได้ เช่น


สรุป

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นการรักษาปัญหาที่เกิดขึ้นบริเวณดวงตาที่มีประสิทธิภาพและเป็นที่นิยมอย่างมาก เพราะสามารถแก้ปัญหาผิวรอบดวงตาได้หลากหลาย ซึ่งหากต้องการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ควรที่จะฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญสูง รู้เทคนิคการฉีดและตำแหน่งที่เหมาะสมเพื่อความปลอดภัยด้วย


บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที