หลาย ๆ คนกำลังประสบปัญหาที่มีผื่นเม็ดเล็ก ๆ ขึ้นตามใบหน้าหรือตามลำตัว และมักจะคิดว่าเม็ดผื่นเหล่านั้นเป็นเม็ดสิว แต่อันที่แท้จริงแล้วสิ่งที่มีลักษณะคล้ายสิวนั้นไม่จำเป็นจะต้องเป็นสิวเสมอไป สำหรับหลาย ๆ คนก็อาจจะไม่ทราบว่าการที่มีผื่นเม็ดเล็ก ๆ ขึ้นตามลำตัวนั้นอาจจะเป็นอาการของการอักเสบจากเชื้อรา นั่นก็คือ สิวยีสต์ หรือ สิวเชื้อรา นั่นเอง แต่แล้วสิวยีสต่างจากสิวทั่วไปอย่างไร ทำไมถึงต้องดูแลรักษาให้หาย
สิวยีสต์ หรือ ที่หลาย ๆ คนมักเรียก สิวเชื้อรา นั้นไม่ใช่สิวแต่อย่างใด อันที่จริงแล้วสิวยีสกลับเป็นคำเรียกของ โรครูขุมขนอักเสบจากเชื้อรา (Malassezia folliculitis หรือ Pityrosporum folliculitis) ซึ่งเป็นโรคที่มีผื่นเล็ก ๆ ขึ้นบนผิวหนังตามใบหน้า คอ ไหล่ ลำตัว มักจะเกิดขึ้นพร้อมกับสิวหรือขึ้นเดี่ยว ๆ โดยลักษณะจะคล้ายสิวแต่มีสาเหตุมาจากเชื้อรา
สิวยีสต์เกิดจากเชื้อราประเภทยีสต์ในกลุ่มมาลาสซีเซีย (Malassezia species) ซึ่งตัวยีสต์นี้สามารถพบได้ในผิวหนังของมนุษย์ทุกคนอยู่แล้ว แต่เมื่อเชื้อราเจริญเติบโตมากขึ้นก็จะทำให้ผิวหนังเกิดอาการผิดปกติขึ้น
โดยทั่วไปแล้วสิวยีสต์มีลักษณะเป็นผื่นเล็ก ๆ ขนาดประมาณ 1-2 มิลลิเมตรขึ้นตามใบหน้า ลำตัว แผ่นหลัง โดยอาจจะมีตุ่มหนองขึ้นพร้อมกันด้วย ซึ่งถ้าปล่อยไว้ก็อาจจะทำให้กลายเป็นโรคกลากเกลื้อน และโรคอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับผิวหนังตามมาได้ ซึ่งสิวยีตส์สาเหตุมีดังนี้
- ผู้ที่มีสภาพผิวมัน เหงื่อออกง่าย
- อาศัยอยู่ในสถานที่ที่มีอากาศร้อนชื้น อากาศอบชื้นอบอ้าว
- สวมใส่เสื้อผ้าที่ไม่สามารถระบายอากาศได้ดี เสื้อผ้าอับชื้น
- ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวแล้วทำความสะอาดไม่หมดจึงไปอุดตันในรูขุมขน
- ใช้ยาปฏิชีวนะ(ทั้งแบบทานหรือแบบทา) หรือทายากลุ่มสเตียรอยด์เป็นระยะเวลานาน
- ภูมิคุ้มกันร่างกายต่ำ ไม่ว่าจะสาเหตุจากนอนหลับพักผ่อน
การล้างหน้าให้สะอาดหมดจดจะช่วยชำระล้างสิ่งสกปรกต่าง ๆ ที่เกาะติดอยู่บนใบหน้าให้ออกไป และยังมีส่วนช่วยลดโอกาสการเกิดสิวยีสต์ได้อีกด้วย เพื่อใบหน้าสะอาดปราศจากสิ่งตกค้างตามรูขุมขนหรือสิว ผื่นต่าง ๆ ควรใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดใบหน้าที่จะคอยช่วยชำระสิ่งสกปรกบนใบหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดใบหน้า ควรเลือกใช้ตามสภาพผิวของตนเองเพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดสิว ผิวแห้ง รวมถึงอาการแพ้ต่าง ๆ ซึ่งในบทความเห็นว่าผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวของทาง BIODERMA มีหลากหลายประเภทให้เลือกใช้ตามความเหมาะสม โดยมี 2 แบบที่อยากแนะนำ คือ BIODERMA SEBIUM H2O และ BIODERMA SEBIUM GEL MOUSSANT
BIODERMA SEBIUM H2O
SEBIUM H2O เป็นเวชสำอางที่จะช่วยชำระล้างใบหน้าได้อย่างสะอาดหมดจดด้วยน้ำสะอาดบริสุทธิ์เกรดทางการแพทย์ ซึ่งสามารถใช้ได้ทั้งผู้ที่มีผิวมัน ผิวผสม หรือผิวแพ้ง่ายโดยปราศจากสารที่ทำให้เกิดอาการระคายเคืองผิว ช่วยควบคุมความมันบนและเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับใบหน้า จึงเป็นเหตุช่วยลดการเกิดสิวต่าง ๆ บนใบหน้า นอกจากนี้ยังมีการใช้สิทธิบัตรที่ช่วยทำให้โครงสร้างผิวแข็งแรง (D.A.F Patent Natural Complex) ซึ่งเป็นสารสกัดจากธรรมชาติ ทำให้ผิวหน้าแข็งแรงมากขึ้นอีกด้วย
BIODERMA SEBIUM GEL MOUSSANT
SEBIUM GEL MOUSSANT เป็นเจลที่จะช่วยทำความสะอาดสิ่งที่อุดตันในรูขุมขนได้อย่างล้ำลึก และช่วยเพิ่มความชุ่มและควบคุมความมันบนใบหน้า จึงเป็นเหตุช่วยลดโอกาสเกิดสิวและทำให้ใบหน้าเนียนใส สุขภาพดี นอกจากนี้ยังใช้ได้แม้กระทั่งผิวแพ้ง่าย โดยแนะนำใช้ควบคู่กับ SEBIUM H2O เพื่อช่วยลดการเกิดสิวบนใบหน้า ทำให้หน้าเรียบเนียนมากขึ้น
หลาย ๆ คนคงสงสัยใช่ไหมว่า โพรไบโอติกส์ คือ อะไร โพไบโอติกส์ เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่มีอยู่ในโยเกิร์ต นมเปรี้ยว มิโซะ กิมจิ ซึ่งจะช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรคที่อยู่ในร่างกาย รวมถึงยังช่วยควบคุมยับยั้งเชื้อราที่เติบโตมากอย่างผิดปกติบนร่างกายได้อีกด้วย
ไม่ว่าจะด้วยสภาพอากาศร้อนชื้น หรือทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่ทำให้เหงื่อออกเยอะ หากไม่ดูแลทำความสะอาดร่างกายเป็นอย่างดีก็จะทำให้เกิดการหมักหมมตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ซึ่งนอกจากจะส่งกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์แล้ว ยังเป็นสิ่งที่เหล่าเชื้อโรคต่าง ๆ รวมถึงเชื้อราต่างชื่นชอบ ดังนั้นจึงควรหมั่นทำความสะอาดร่างกายอย่างสม่ำเสมอเป็นประจำทุกวัน วันละ 1-2 ครั้ง หรือใช้สบู่และแชมพูต้านเชื้อราซึ่งจะคอยควบคุมยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราที่อยู่บนผิวหนัง
ในการรักษาสิวยีสต์ จะมีทั้งยาแบบทา เช่น Ketoconazole, Econazole, Selenium sulfide ฯลฯ รวมถึงยาแบบทาน เช่น Itraconazole หรือ Ketoconazole ซึ่งจะช่วยยับยั้งกำจัดเชื้อราที่อยู่บนผิวหนัง โดยใช้ระยะเวลาประมาณ 1-2 เดือนขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของโรค
แต่ในการรักษาสิวยีสต์ด้วยยาจำเป็นต้องได้รับการวินิจฉัยและแนะนำจากแพทย์อย่างใกล้ชิด เพราะยาบางประเภทอาจจะส่งผลข้างเคียงกับร่างกาย เช่น ในผู้ป่วยบางรายหากรับประทานยาต้านเชื้อราไอทราโคนาโซล (Itraconazole) อาจจะมีอาการคลื่นไส้อาเจียน เป็นต้น รวมถึงยังมีข้อควรระวังที่ไม่ควรใช้กับยาหรือสมุนไพรบางชนิดอีกด้วย
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที
