ปัญหาสิว ๆ ที่สร้างความรำคาญใจให้แก่ใครหลาย ๆ คน ไม่ว่าจะเป็นสิวผด สิวหัวดำ สิวเสี้ยน สิวอุดตัน และสิวหัวหนอง โดยสิวที่ค่อนข้างน่ารำคาญที่สุดก็คือสิวหัวหนองนั่นเอง เพราะนอกจากจะไม่สามารถปกปิดด้วยเครื่องสำอางได้แล้ว ยังมีอาการอักเสบ บวมแดง และเจ็บร่วมอยู่ด้วย
ในบทความนี้เราจึงจะมากล่าวถึงสิวอักเสบหัวหนองให้ได้รู้จักกัน ไม่ว่าจะเป็นสิวหนองเกิดจากสาเหตุใด มักเกิดขึ้นในบริเวณไหน ควรดูแลผิวหน้าอย่างไร และมีวิธีรักษาสิวหัวหนองอย่างไรบ้าง
สิวหัวหนอง หรือ Pustules นั้นเป็นอักเสบประเภทหนึ่ง บางคนเลยอาจเรียกว่าสิวอักเสบหัวหนอง โดยลักษณะอาการของสิวหัวหนองจะเป็นตุ่มที่บริเวณฐานจะมีสีแดง และบริเวณด้านบนของตุ่มก็จะเป็นจุดสีขาวหรือสีขาวเหลือง ซึ่งเจ้าจุดขาว ๆ เหลือง ๆ นี่แหละคือหนองที่อยู่ใต้ผิวหนัง
สิวหัวหนอง จะมีอยู่หลายขนาดด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นสิวหัวหนองเล็ก ๆ หรือสิวหัวหนองขนาดใหญ่ โดยอาการร่วมของการเป็นสิวหนองจะมีเพียงอาการอักเสบ บวมแดง เจ็บ และคันเท่านั้น ไม่ได้มีอันตรายร้ายแรง
สิวหัวหนองเกิดจากการที่รูขุมขนถูกอุดตันไปด้วยไขมัน สิ่งสกปรก เซลล์ผิวที่ตายแล้ว และเชื้อแบคทีเรีย โดยสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวหัวหนองก็อาจมาได้จากทั้งการรับประทานยาบางชนิด และระดับฮอร์โมนที่มีการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากฮอร์โมนบางชนิดก็อาจไปกระตุ้นการผลิตน้ำมันของต่อมไขมันได้
นอกจากนี้แล้วยังมีตุ่มหนองซึ่งมีสาเหตุมาจากโรคต่าง ๆ ที่อาจทำให้ใครหลายคนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นสิวหัวหนอง ได้แก่
สิวหัวหนองมักจะเกิดขึ้นในบริเวณที่มีจำนวนต่อมไขมันอยู่มาก เนื่องจากน้ำมันที่ต่อมไขมันได้มีการผลิตออกมานั้นจะทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขนได้ง่าย โดยสิวเป็นหนองเหล่านี้สามารถที่จะพบได้ทั้งตัว ไม่ใช่เพียงแค่บนใบหน้าเท่านั้น
ซึ่งตำแหน่งที่มักเกิดสิวหนองอักเสบมีจุดใดบ้าง เรามาดูกันเลย
สำหรับบริเวณใบหน้านั้นมักจะพบสิวหัวหนองขึ้นในบริเวณที่ค่อนข้างมีความมันมาก ได้แก่ สิวขึ้นหน้าผาก สิวขึ้นจมูก สิวขึ้นคาง และสิวขึ้นแก้ม
สิวขึ้นหัวและบริเวณไรผมนั้นนอกจากจะเกิดจากการอุดตันของรูขุมขนแล้ว ยังสามารถเกิดจากการใส่เครื่องประดับหรืออุปกรณ์ที่ทำให้เกิดการเสียดสีหรือเกิดแรงกดทับมาก ๆ ได้อีกด้วย
สิวบนบริเวณหน้าอกนั้นมักเกิดมาจากการอุดตันจากไขมันและเซลล์ผิวที่ตายแล้วเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเมื่อทั้ง 2 สิ่งนี้ผสมกันก็อาจทำให้เกิดการติดเชื้อแบคทีเรียจนเกิดเป็นสิวหัวหนองได้
บริเวณแผ่นหลังก็เป็นอีกตำแหน่งหนึ่งที่มีต่อมไขมันอยู่ค่อนข้างมาก และยังต้องเผชิญกับสิ่งที่มีความเสี่ยงให้เกิดสิวมากมาย ทั้งเหงื่อไคล ไขมัน เซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว และสิ่งสกปรกตามเสื้อผ้าหรือผ้าปูที่นอน
สำหรับวิธีรักษาสิวหัวหนองนั้นสามารถทำได้หลายวิธีด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการใช้ยาในรูปแบบทาภายนอก การใช้ยาในรูปแบบการรับประทาน และการรักษาสิวหัวหนองด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ โดยวิธีในการรักษาสิวหัวหนองแต่ละวิธีนั้นมีความแตกต่างกันอย่างไร ใช้ยาอะไรบ้าง เรามาดูพร้อมกันเลย
ยาทาภายนอกหรือยาทาเฉพาะที่สำหรับใช้ในการรักษาสิวหัวหนองนั้นมีอยู่หลายอย่างด้วยกัน ซึ่งแต่ละอย่างก็จะมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไปเล็กน้อย ได้แก่
ยาชนิดรับประทานที่ใช้ในการรักษาสิวหัวหนองที่นิยมใช้กันจะมีดังนี้
วิธีรักษาสิวหัวหนองด้วย Photodynamic Therapy คือการใช้แสงเลเซอร์ในการรักษา โดยในปัจจุบันค่อนข้างได้รับความนิยมมากเนื่องจากใช้เวลารักษาเพียงไม่นาน และยังมีผลข้างเคียงน้อยกว่าการทานยาอีกด้วย ซึ่งนอกจาก Photodynamic จะช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียและลดการอักเสบของสิวหัวหนองได้แล้ว ยังสามารถรักษารอยสิวต่าง ๆ ได้อีกด้วย
ในปัจจุบันการรักษาสิวด้วย Photodynamic มีอยู่หลายรูปแบบด้วยกัน ดังนี้
นอกจากวิธีในการรักษาหลังจากที่เกิดสิวหัวหนองที่เราต้องรู้แล้ว วิธีการดูแลผิวหน้าเพื่อไม่ให้เกิดสิวหัวหนองก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะถือได้ว่าเป็นการป้องกันก่อนที่จะเกิดปัญหาเลยก็เป็นได้ ในหัวข้อนี้เราจึงจะมาแนะนำวิธีดูแลผิวหน้าเพื่อไม่ให้เป็นสิวอักเสบหัวหนองว่ามีอะไรบ้าง มาดูกันเลย!
1. ทำความสะอาดใบหน้าอย่างถูกวิธี
หากใครที่ต้องแต่งหน้าหรือเผชิญกับมลภาวะและสิ่งสกปรกเป็นประจำ ควรใช้คลีนเซอร์เช็ดทำความสะอาดผิวหน้าก่อนที่จะทำการล้างหน้าทุกครั้ง เพื่อไม่ให้มีเครื่องสำอางหรือสิ่งสกปรกหลงเหลืออยู่บนผิวหน้า และอุดตันจนเกิดเป็นสิวหัวหนองได้
2. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะสม
ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าที่เหมาะสมกับสภาพผิว และไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน ซึ่งอาจทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน และทำให้เกิดสิวหนองอักเสบได้
3. หมั่นทำความสะอาดของใช้ที่อาจเป็นแหล่งสะสมเชื้อแบคทีเรีย
หมั่นทำความสะอาดของใช้ที่อาจเป็นแหล่งสะสมเชื้อแบคทีเรียและสิ่งสกปรกอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นผ้าเช็ดตัว ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ผ้าห่ม หรือตุ๊กตาที่นอนกอดเป็นประจำ
4. หลีกเลี่ยงการกดหรือบีบสิวหัวหนอง
การกดหรือบีบสิวหัวหนองจะทำให้อาการอักเสบรุนแรงมากขึ้น และอาจลุกลามมากขึ้นได้ นอกจากนี้แล้วยังจะทำให้เกิดรอยแผลเป็นของสิวอีกด้วย
สำหรับระยะเวลากว่าที่สิวหัวหนองจะหายนั้นถือว่าค่อนข้างนาน ซึ่งกว่าที่สิวหัวหนองจะค่อย ๆ ยุบตัวลงจนหายอาจกินเวลาไปถึง 4-6 สัปดาห์เลยทีเดียว
ถ้าหากคุณกำลังสงสัยว่าสิวสุกควรบีบไหม และจะใช้วิธีบีบสิวหัวหนองอย่างไรดี บอกได้เลยว่าอย่าคิดเชียว เพราะสิวหัวหนองเป็นสิวอักเสบประเภทหนึ่ง ซึ่งยิ่งถ้าหากไปกดหรือบีบสิวหนองล่ะก็ มันจะยิ่งอักเสบและเจ็บมากยิ่งขึ้น
และสำหรับใครที่กำลังเผชิญกับปัญหาสิวหัวหนองอยู่ Bioderma ก็มีผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้ามากมายที่มีสูตรเฉพาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาสิวต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Bioderma Sebium Gel Moussant (เจลล้างหน้า) , Bioderma Sebium H2O (คลินเซอร์) และ Bioderma Sebium Sensitive (ครีมบำรุงผิวหน้า)
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที