วัตพล

ผู้เขียน : วัตพล

อัพเดท: 31 มี.ค. 2024 23.43 น. บทความนี้มีผู้ชม: 5046 ครั้ง

ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวไปอย่างรวดเร็ว การตลาดดิจิทัลเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรถูกละเลย เนื่องจากในปัจจุบันมีผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้การตลาดแบบดิจิทัลเป็นเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับธุรกิจทุกประเภทไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดใหญ่หรือเล็ก การตลาดดิจิทัลมีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อเทียบกับการตลาดแบบดั้งเดิม ด้วยเหตุนี้ บทความเกี่ยวกับ Digital Marketing จึงเป็นบทความที่มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่สนใจในการตลาดดิจิทัล


SEO คืออะไร ช่วยเพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์สำหรับธุรกิจอย่างไรได้บ้าง

การวางแผนทำ SEO

หากท่านกำลังทำการตลาดออนไลน์ คงจะรู้ว่า SEO คือ ส่วนสำคัญของการตลาดออนไลน์ที่ช่วยให้ธุรกิจเพิ่มการมองเห็นผ่านช่องทางออนไลน์ เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย และเพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์ เกี่ยวข้องกับการปรับองค์ประกอบต่างๆ ของเว็บไซต์ให้เหมาะกับ Search Engine นั้นๆ 

และทำให้ผู้ใช้ค้นหาเว็บไซต์ออนไลน์ได้ง่ายขึ้น ด้วยการแข่งขันที่เพิ่มมากขึ้นในตลาดออนไลน์ ซึ่งในบทความนี้ เราจะมาบอกว่า Seo คืออะไร บอกถึงประโยชน์ของการทำ SEO และมาดูกันว่าวิธีนี้จะช่วยให้ธุรกิจประสบความสำเร็จในโลกดิจิทัลได้อย่างไรบ้าง


รู้จัก SEO หรือ Search Engine Optimization

SEO ย่อมาจาก Search engine optimization คือ เป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่สำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ เพิ่มการมองเห็นในเครื่องมือค้นหา ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์และเนื้อหาออนไลน์ ธุรกิจสามารถปรับปรุงการจัดอันดับในหน้าผลลัพธ์ของเครื่องมือค้นหา(SERP) และดึงดูดการเข้าชมแบบออร์แกนิกมายังไซต์ของตนได้มากขึ้น

SEO คือ การรวมเทคนิคต่างๆ เช่น keyword research, on-page optimization, and link building เพื่อให้แน่ใจว่าเว็บไซต์ได้รับการปรับให้เหมาะสมสำหรับเครื่องมือค้นหา เป้าหมายสูงสุดของ SEO คือการเพิ่มอันดับของเว็บไซต์ในหน้าผลลัพธ์ของ Serach Engine ซึ่งจะเป็นการเพิ่มการมองเห็นและเพิ่มการเข้าชมแบบออร์แกนิกมายังเว็บไซต์

ด้วยความสำคัญที่เพิ่มขึ้นของการตลาดออนไลน์ SEO จึงกลายเป็นส่วนสำคัญของกลยุทธ์การตลาดดิจิทัลที่ประสบความสำเร็จ ด้วยการลงทุนใน SEO ธุรกิจสามารถปรับปรุงสถานะออนไลน์และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

SEM (Search Engine Marketing) คืออะไร 

SEM หรือ search engine marketing คือ กลยุทธ์การตลาดดิจิทัลที่เกี่ยวข้องกับการโปรโมตเว็บไซต์หรือธุรกิจผ่านการโฆษณาแบบชำระเงินบนเครื่องมือค้นหา SEM ครอบคลุมเทคนิคต่างๆ เช่น การโฆษณาแบบจ่ายต่อคลิก (PPC) โฆษณาแบบดิสเพลย์ และแคมเปญรีมาร์เก็ตติ้ง ซึ่งต่างจาก SEO คือ การทำ Content, องค์ประกอบเว็บไซต์ และ Ink Building หากเราสามารถทำสองอย่างร่วมกันได้ ก็จะทำให้การทำ SEO เป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น

ประโยชน์หลักๆ ของ SEM คือช่วยให้ธุรกิจกำหนดเป้าหมายผู้ใช้ที่กำลังค้นหาผลิตภัณฑ์หรือบริการเฉพาะเจาะจง ด้วยการเสนอราคาสำหรับ Keyword ที่เกี่ยวข้อง ธุรกิจต่างๆ สามารถมั่นใจได้ว่าโฆษณาของตนจะปรากฏที่ด้านบนสุดของหน้าผลลัพธ์ของเครื่องมือค้นหา เพิ่มการมองเห็นและเพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์


SEO ในปัจจุบันสำคัญแค่ไหน

ในยุคดิจิทัลในปัจจุบัน การมีเว็บไซต์ไม่เพียงพอต่อความสำเร็จของธุรกิจของคุณ ด้วยเว็บไซต์หลายล้านแห่ง จากการศึกษาพบว่าคนส่วนใหญ่ที่ใช้เครื่องมือค้นหาจะคลิกเฉพาะผลการค้นหาที่ปรากฏในหน้าแรก โดยผลการค้นหา 3 อันดับแรกจะถูกคลิกมากที่สุด จากการศึกษาของ Advanced Web Ranking ผลลัพธ์แรกบนหน้าการค้นหาของ Google ได้รับการคลิกคือ ประมาณ 28.5% ในขณะที่ผลลัพธ์ที่สองและสามได้รับประมาณ 15% และ 11% ตามลำดับ

ซึ่งหมายความว่าหากเว็บไซต์ไม่ปรากฏในหน้าแรกของผลการค้นหา มีแนวโน้มว่าจะได้รับการเข้าชมน้อยมากๆ จึงเป็นเหตุผลให้ SEO คือ ส่วนสำคัญก่อนการสร้างเว็บไซต์ ร่วมกับกลยุทธ์ทางการตลาดที่มีประสิทธิภาพเพื่อทำให้เว็บไซต์ของคุณโดดเด่นกว่าคูแข่ง

การปรับแต่งเว็บไซต์ให้ติดอันดับบนเครื่องมือการค้นหา (SEO) เป็นกลยุทธ์หนึ่งที่ช่วยปรับปรุงการแสดงผลของเว็บไซต์ในหน้าผลลัพธ์ของเครื่องมือค้นหา (SERPs) และเพิ่มปริมาณการเข้าชมเว็บไซต์ได้ดีทีเดียว ส่วน SEO จะช่วยอะไรช่วยบ้าง ก็สามารถอ่านที่ 7 ประโยชน์ของการทำ SEO ที่ด้านล่างนี้ได้เลยครับ

  1. เพิ่มการมองเห็นทางออนไลน์ SEO คือ ตัวช่วยปรับปรุงการมองเห็นเว็บไซต์ของคุณบน SERP ทำให้ผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าสามารถค้นหาธุรกิจของคุณทางออนไลน์ได้ง่ายขึ้น
     
  2. เพิ่มความน่าเชื่อถือ เมื่อเว็บไซต์ของคุณปรากฏในหน้าแรกของผลการค้นหา จะทำให้รู้สึกว่าธุรกิจของคุณน่าเชื่อถือ
     
  3. ความได้เปรียบทางการแข่งขัน SEO คือ ผู้ช่วยให้คุณได้เปรียบเหนือคู่แข่งโดยช่วยให้เว็บไซต์ของคุณมีอันดับสูงขึ้นในเครื่องมือค้นหา
     
  4. การเข้าชมเว็บที่เพิ่มขึ้น SEO คือ วิธีช่วยดึงดูดผู้เข้าชมเว็บไซต์ของคุณมากขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การเพิ่มยอดขายและรายได้ให้กับธุรกิจของคุณ
     
  5. ประสบการณ์ของผู้ใช้ที่ดีขึ้น การสร้างเว็บไซต์ที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้ซึ่งมอบประสบการณ์ที่ดีขึ้นให้กับผู้เยี่ยมชม ซึ่งอาจนำไปสู่การมีส่วนร่วมและเพิ่ม Conversion Rate ให้ดีมากยิ่งขั้น
     
  6. การเพิ่มประสิทธิภาพการค้นหาแบบ Local SEO วิธีนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ของคุณสำหรับการค้นหาในท้องถิ่น ทำให้ผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าในพื้นที่ของคุณค้นหาธุรกิจของคุณได้ง่ายขึ้น
     
  7. ผลลัพธ์วัดได้ ด้วยความช่วยเหลือของเครื่องมือต่างๆ เช่น Google Analytics ธุรกิจต่างๆ สามารถวัดประสิทธิภาพของความพยายาม SEO ของตนและทำการตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลโดยอิงตามข้อมูล

SEO ทำงานอย่างไร  

การปรับแต่งเว็บไซต์ให้ติดอันดับบนเครื่องมือการค้นหา (SEO) เป็นกระบวนการปรับปรุงการมองเห็นและการจัดอันดับของเว็บไซต์ในผลการค้นหาทั่วไปของเครื่องมือค้นหา เช่น Google และ Bing 

ซึ่งการทำ SEO คือ การปรับแต่งหน้าเว็บไซต์ให้เหมาะกับเครื่องมือค้นหาที่ใช้อัลกอริทึมที่ซับซ้อนเพื่อกำหนดความเกี่ยวข้องและคุณภาพของหน้าเว็บสำหรับ Keyword นั้นๆ อัลกอริทึมเหล่านี้พิจารณาปัจจัยต่างๆ มากมาย รวมถึงเนื้อหาของหน้าเว็บ จำนวนและคุณภาพของ Backlink ที่ชี้ไปยัง Link ของเรา ประสบการณ์ของผู้ใช้โดยรวมของเว็บไซต์ และปัจจัยทางเทคนิคต่างๆ เช่น ความเร็วของเว็บไซต์และความเข้ากันกับผู้ใช้มือถือ

เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์สำหรับเครื่องมือค้นหา ผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO ให้ความสำคัญกับกลยุทธ์ต่างๆ ที่แบ่งออกเป็นสามประเภทหลักๆ ได้แก่ on-page, off-page และ technical SEO โดย SEO ในส่วนนี้หมายถึงการปรับเนื้อหาและโครงสร้างของหน้าเว็บแต่ละหน้าให้เหมาะสม รวมถึงการใช้ Keyword ที่เกี่ยวข้อง รูปภาพและวิดีโอคุณภาพสูง และเนื้อหาที่มีการจัดระเบียบอย่างดี 

ส่วนการทำ Off-page SEO คือ การสร้างลิงก์ภายนอกคุณภาพสูงที่ส่งมายังเว็บไซต์ของเรา จากเว็บไซต์ที่เชื่อถือได้อื่นๆ บนเว็บ ประการสุดท้าย SEO เชิงเทคนิคมุ่งเน้นไปที่การปรับโครงสร้างพื้นฐานทางเทคนิคของเว็บไซต์ให้เหมาะสมเพื่อให้แน่ใจว่ารวดเร็ว ปลอดภัย และรวบรวมข้อมูลได้ง่ายโดยเครื่องมือค้นหา

การทำงานของ Search Engine

ขอขอบคุณรูปภาพจาก techtarget.com

Algorithm ของ Google 

อัลกอริทึมของ Google เป็นสูตรที่ซับซ้อนที่กำหนดอันดับของหน้าเว็บในผลการค้นหาทั่วไปของเครื่องมือค้นหา อัลกอริทึมคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ นับร้อย รวมถึงคุณภาพและความเกี่ยวข้องของเนื้อหาของหน้าเว็บ จำนวนและคุณภาพของลิงก์ภายนอกที่ชี้ไปยังหน้านั้นๆ และประสบการณ์ผู้ใช้โดยรวมของเว็บไซต์

แม้ว่า Google จะไม่เปิดเผยรายละเอียดของอัลกอริทึม แต่บริษัทก็อัปเดตอัลกอริทึมอย่างสม่ำเสมอเพื่อปรับปรุงคุณภาพของผลการค้นหาสำหรับผู้ใช้ การอัปเดตที่สำคัญที่สุดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ได้แก่ การอัปเดต Panda ซึ่งลงโทษเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาคุณภาพต่ำหรือซ้ำซ้อน และการอัปเดต Penguin ซึ่งกำหนดเป้าหมายเว็บไซต์ที่มีโปรไฟล์ลิงก์ภายนอกที่เป็นสแปมหรือหลอกลวง

ทั้งนี้ หากท่านต้องการทำ SEO จำเป็นต้องติดตามการอัปเดตอัลกอริทึมเสมอๆ เพื่อให้แน่ใจว่ากลยุทธ์ของเรามีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดของ Google โดยการจัดลำดับความสำคัญของประสบการณ์ผู้ใช้ สร้างเนื้อหาคุณภาพสูง และสร้างลิงก์ภายนอกที่เชื่อถือได้ เว็บไซต์สามารถปรับปรุงการเปิดเผยและการจัดอันดับในผลการค้นหาทั่วไปของ Google ดึงดูดการเข้าชมและผู้มีโอกาสเป็นลูกค้ามาที่ไซต์ให้มากขึ้น


เริ่มต้นทำ SEO อย่างไรดีให้เว็บไซต์มี Traffic

หากคุณมีเว็บไซต์ คุณต้องการให้ผู้คนค้นหาได้ง่ายขึ้น การปรับแต่งเว็บไซต์ให้ติดอันดับบนเครื่องมือการค้นหา SEO คือ กุญแจสำคัญที่ช่วยท่านได้ เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ของคุณสำหรับเครื่องมือค้นหา ที่คุณสามารถปรับปรุงการเปิดเผยของคุณในผลการค้นหาและดึงดูดการเข้าชมไซต์ของคุณได้มากขึ้น SEO คือ สิ่งที่ดูยุ่งยากในตอนแรก แต่ด้วยเทคนิคและกลยุทธ์ที่เหมาะสม คุณจะสามารถเพิ่มอันดับเว็บไซต์ของคุณและเข้าถึงผู้ชมได้กว้างขึ้น ซึ่งท่านสามารถเริ่มต้นและทำตามวิธีการทั้ง 5 ข้อนี้ได้เลย

การใช้งาน google ผ่าน Smartphone

1. หา Keyword ที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ 

เริ่มต้นด้วยการหา Keyword และวลีที่กลุ่มเป้าหมายของคุณกำลังค้นหา วิธีนี้ในด้าน SEO คือ ตัวช่วยเพิ่มประสิทธิภาพเนื้อหาของเว็บไซต์ให้ตรงกับคำค้นหา และทำให้เว็บไซต์ของคุณมีโอกาสปรากฏในผลการค้นหาที่เกี่ยวข้องมากขึ้น

2. การเพิ่มประสิทธิภาพหน้าต่างๆ บนเว็บไซต์

การเพิ่มประสิทธิภาพเนื้อหา รูปภาพ และข้อมูลเมต้าของเว็บไซต์ในด้าน SEO คือตัวเพิ่มความเป็นมิตรกับเครื่องมือค้นหามากขึ้น ทำให้แน่ใจว่าเนื้อหาเว็บไซต์ของคุณมีคุณภาพสูง มีความเกี่ยวข้อง ชื่อหน้าและคำอธิบายของคุณสะท้อนถึงเนื้อหาของหน้าได้อย่างถูกต้อง

3. ปรับแต่งให้เหมาะกับ Technical SEO 

Technical SEO คือ เทคนิคเกี่ยวข้องกับการปรับด้านเทคนิคของเว็บไซต์ของคุณให้เหมาะสม เช่น ความเร็วเว็บไซต์ ความเหมาะกับมือถือ โครงสร้างเว็บไซต์ เว็บไซต์ที่รวดเร็ว เป็นมิตรกับมือถือ และมีโครงสร้างเว็บไซต์ที่ชัดเจนมักจะได้รับการจัดอันดับที่สูงขึ้นในผลการค้นหา

4. การสร้างลิงก์ 

การสร้างลิงก์คุณภาพสูงจากเว็บไซต์ที่มีชื่อเสียงสามารถปรับปรุงความน่าเชื่อถือและอำนาจของเว็บไซต์ของคุณ ซึ่งสามารถทำได้โดยการสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพซึ่งผู้อื่นจะต้องการเชื่อมโยงถึง การทำ Guest Posting บนเว็บไซต์อื่น และการร่วมมือกับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับตลาดที่คุณสนใจ

5. การตรวจสอบและติดตาม 

ตรวจสอบการวิเคราะห์เว็บไซต์ของคุณเป็นประจำเพื่อติดตามความคืบหน้าและหาจุดที่ต้องปรับปรุง ใช้เครื่องมือเช่น Google Analytics เพื่อติดตามการเข้าชมเว็บไซต์ของคุณ พฤติกรรมผู้ใช้ และอัตรา Conversion อยู่เสมออย่างน้อยเดือนละสองครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าสิ่งที่ทำมาจะได้ผล


เทคนิคการทำ SEO ให้ติดหน้าแรกของ Google โดยไม่ต้องใช้เงินเลยซักบาท!

การได้รับการจัดอันดับสูงของเครื่องมือค้นหาเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเพิ่มปริมาณการเข้าชมเว็บไซต์ของคุณ อย่างไรก็ตาม การขึ้นหน้าแรกของ Google โดยไม่ต้องเสียเงินโฆษณาเป็นจำนวนมากอาจเป็นเรื่องยาก แต่ยังโชคดีที่มีเทคนิค SEO หลายอย่างที่คุณสามารถนำไปใช้เพื่อปรับปรุงอันดับเว็บไซต์ของคุณโดยไม่ต้องเสียเงินสักบาทเดียว โดนเทคนิคต่างๆ มีด้วยกันสามปัจจัย ดังนี้

การ Search ผ่านเว็บไซต์

Technical SEO 

Technical SEO คือ กระบวนการเพิ่มประสิทธิภาพองค์ประกอบทางเทคนิคของเว็บไซต์ของคุณเพื่อปรับปรุงการจัดอันดับของเครื่องมือค้นหา ซึ่งรวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพของโค้ดและโครงสร้างของเว็บไซต์เพื่อให้โปรแกรมรวบรวมข้อมูลของเครื่องมือค้นหาเข้าใจและจัดทำ Index ได้ง่ายขึ้น ด้านล่างนี้คือ Technical SEO ที่คุณสามารถใช้เพื่อปรับปรุงเว็บไซต์ของคุณเองได้

  1. การวิจัยและการเลือกKeyword การหา Keyword คือกระบวนการระบุคำและวลีที่เกี่ยวข้องมากที่สุดที่กลุ่มเป้าหมายของคุณกำลังค้นหา เมื่อคุณหา Keyword ได้แล้ว คุณก็สามารถเพิ่มประสิทธิภาพเนื้อหาของเว็บไซต์ Meta แท็ก และ URL เพื่อรวมคำนั้นๆ
     
  2. สร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพ เนื้อหาที่มีคุณภาพเป็นรากฐานที่สำคัญของแคมเปญ SEO ที่ประสบความสำเร็จ เนื้อหาบนเว็บไซต์ของคุณควรให้ข้อมูล มีส่วนร่วม และเกี่ยวข้องกับกลุ่มเป้าหมายของคุณ ด้วยการสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพ คุณสามารถดึงดูดผู้เข้าชมเว็บไซต์ของคุณมากขึ้น เพิ่มการมีส่วนร่วม และปรับปรุงอันดับของเครื่องมือค้นหาของคุณ
     
  3. พัฒนาชื่อหน้าและคำอธิบาย Meta ที่ไม่ซ้ำกัน การเขียน Title กับ Meta Descriptionเป็นองค์ประกอบสำคัญสองประการของการทำ SEO บนหน้าเว็บไซต์ของคุณ องค์ประกอบเหล่านี้ช่วยให้เครื่องมือค้นหาเข้าใจเนื้อหาของหน้าเว็บ และยังมีบทบาทสำคัญในการดึงดูดผู้เข้าชมมายังเว็บไซต์ของคุณ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าชื่อหน้าและคำอธิบายเมต้าของคุณไม่ซ้ำกัน สื่อความหมาย และมี Keyword ที่เกี่ยวข้อง
     
  4. ใช้การจ่ายต่อคลิกเพื่อเสริมการเข้าชมทั่วไป การโฆษณาแบบจ่ายต่อคลิก (PPC) เป็นรูปแบบหนึ่งของการโฆษณาออนไลน์ที่คุณจ่ายทุกครั้งที่มีคนคลิกโฆษณาของคุณ แม้ว่าการโฆษณาแบบ PPC จะไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับ SEO แต่สามารถช่วยเสริมการเข้าชมทั่วไปของคุณและปรับปรุงการมองเห็นเว็บไซต์ของคุณในหน้าผลลัพธ์ของเครื่องมือค้นหา (SERPs)
     
  5. ใช้ข้อความแสดงแทนกับรูปภาพ ข้อความแสดงแทนเป็นคำอธิบายสั้นๆ ที่คุณสามารถเพิ่มลงในรูปภาพของเว็บไซต์ของคุณเพื่อช่วยให้เครื่องมือค้นหาเข้าใจว่ารูปภาพนั้นเกี่ยวกับอะไร ด้วยการเพิ่มข้อความแสดงแทนในรูปภาพของคุณ คุณสามารถปรับปรุงการเข้าถึงเว็บไซต์และอันดับของเครื่องมือค้นหาได้
     
  6. URL slug URL slug เป็นส่วนหนึ่งของ URL ที่มาหลังชื่อโดเมน ควรสั้น อธิบาย และมี Keyword ที่เกี่ยวข้อง ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพ URL slugs คุณสามารถทำให้เครื่องมือค้นหาเข้าใจเนื้อหาของหน้าเว็บของคุณได้ง่ายขึ้น และปรับปรุงการจัดอันดับของเครื่องมือค้นหาของเว็บไซต์ของคุณ

On-Page SEO

On-page SEO เกี่ยวข้องกับการปรับเนื้อหาบนเว็บไซต์ของคุณให้เหมาะสมเพื่อให้มีความเกี่ยวข้องและเป็นประโยชน์กับกลุ่มเป้าหมายของคุณมากขึ้น ต่อไปนี้คือเทคนิค SEO บนหน้าเว็บที่คุณสามารถใช้ได้

  1. การทำ Keyword Research คือ การหาคำที่ผู้ชมเป้าหมายของคุณกำลังค้นหาและรวมคำเหล่านั้นไว้ในเนื้อหาของคุณ
  2. ใช้ชื่อและคำอธิบายเมตาที่สื่อความหมายและน่าสนใจเพื่อกระตุ้นให้ผู้ใช้คลิกเว็บไซต์
  3. ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเว็บไซต์ของคุณมีโครงสร้างที่ชัดเจนและใช้งานง่าย พร้อมด้วยหัวเรื่องและหัวเรื่องย่อยที่มีการจัดระเบียบอย่างดี
  4. ทำ internal link เพื่อช่วยให้ผู้ใช้สำรวจเว็บไซต์ของคุณและปรับปรุงความสามารถในการรวบรวมข้อมูลเนื้อหาของคุณ

Off-page SEO 

Off-page SEO เกี่ยวข้องกับกิจกรรมที่เกิดขึ้นภายนอกเว็บไซต์ของคุณเพื่อปรับปรุงอันดับของคุณ ต่อไปนี้เป็นเทคนิค SEO Off-page ที่คุณสามารถใช้ได้

  1. สร้าง Backlink คุณภาพสูงจากเว็บไซต์อื่นโดยสร้างเนื้อหาที่มีคุณค่าซึ่งผู้คนต้องการลิงก์ไป
  2. มีส่วนร่วมกับกลุ่มเป้าหมายของคุณบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียเพื่อสร้างแบรนด์และกระตุ้นการเข้าชมเว็บไซต์ของคุณ
  3. เข้าร่วมบล็อกแขกเพื่อสร้างความสัมพันธ์กับเว็บไซต์อื่น ๆ และสร้างลิงก์ย้อนกลับไปยังไซต์ของคุณ
  4. ใช้ประโยชน์จากไดเร็กทอรีออนไลน์และรีวิวไซต์เพื่อเพิ่มสถานะออนไลน์ของคุณและเพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์ของคุณ

สิ่งที่ควรระวังในการทำ SEO 

ในขณะที่ SEO คือ การปรับปรุงของเว็บไซต์ แต่ยังมีหลายสิ่งที่คุณต้องคำนึงถึงเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบด้านลบ ต่อไปนี้คือสิ่งสำคัญที่สุดที่ควรระวัง เพราะนอกจากจำทำให้ผู้ใช้งานไม่มาอ่านเนื้อหาของท่านแล้ว ยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้การทำ SEO ของท่านไม่ประสบผลสำเร็จอีกด้วย และนี้เป็น 3 ข้อระวัง ที่คุณห้ามทำเด็ดขาด

  1. ห้ามคัดลอกเนื้อหาหรือรูปภาพ นี่เป็นการละเมิดกฎหมายลิขสิทธิ์ที่สำคัญ อาจส่งผลให้เว็บไซต์ของคุณถูกลงโทษหรือแม้กระทั่งถูกลบออกจากหน้าผลลัพธ์ของเครื่องมือค้นหา
     
  2. อย่าให้โฆษณาบังเนื้อหาหลัก โฆษณาป๊อปอัปอาจทำให้ผู้ใช้รำคาญและอาจส่งผลเสียต่อการจัดอันดับเว็บไซต์ของคุณ หากเว็บไซต์ของคุณมีโฆษณา ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่ปกปิดเนื้อหาสำคัญ
     
  3. ระวังการแฮ็ค การแฮ็กอาจส่งผลร้ายแรงต่ออันดับและชื่อเสียงของเว็บไซต์ของคุณ หากเว็บไซต์ของคุณถูกแฮ็ก สิ่งสำคัญคือต้องดำเนินการทันทีเพื่อแก้ไขปัญหาและป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก

ตัวอย่างเครื่องมือสำหรับนักทำ SEO มีอะไรบ้าง 

เมื่อต้องเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ผ่านการทำ SEO มีเครื่องมือมากมายที่สามารถช่วยในกระบวนการนี้ได้ เครื่องมือเหล่านี้มีตั้งแต่ปลั๊กอินธรรมดาไปจนถึงแพลตฟอร์มการวิเคราะห์ที่ซับซ้อน ในส่วนนี้ เราจะพูดถึงเครื่องมือ SEO ยอดนิยมสองตัว ได้แก่ Google Analytics และ Yoast SEO กันครับ

Google Analytics 

การแสดงข้อมูลจาก Google analytic

ขอบคุณรูปภาพจาก google analytic

Google Analytics เป็นบริการวิเคราะห์เว็บฟรีที่ให้บริการโดย Google ซึ่งช่วยให้เจ้าของเว็บไซต์สามารถติดตามและวิเคราะห์แง่มุมต่างๆ ของการเข้าชมเว็บไซต์ของตนได้ ซึ่งรวมถึงข้อมูลต่างๆ เช่น จำนวนผู้เยี่ยมชม พวกเขามาจากที่ใด หน้าใดที่พวกเขากำลังดู และระยะเวลาที่พวกเขาอยู่ในเว็บไซต์ Google Analytics ให้ข้อมูลเชิงลึกแก่เจ้าของเว็บไซต์ว่าผู้เข้าชมโต้ตอบกับเว็บไซต์ของตนอย่างไร ซึ่งจะช่วยในการวางแผนกลยุทธ์ SEO

Yoast SEO

เว็บไซต์ของ Yoast SEO

 ขอบคุณรูปภาพจาก Yoast SEO

Yoast SEO คือ ปลั๊กอินสำหรับ WordPress ที่ให้เจ้าของเว็บไซต์มีเครื่องมือต่างๆ เพื่อช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพในหน้า ปลั๊กอินนี้จะวิเคราะห์เนื้อหาของหน้าและให้ข้อเสนอแนะว่าเหมาะสมเพียงใดสำหรับเครื่องมือค้นหา Yoast SEO ยังช่วยให้ผู้ใช้สามารถแก้ Title, Meta Desciption และ URL slug ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับ SEO ในหน้าได้ง่านขึ้น นอกจากนี้ Yoast SEO ยังมีการวิเคราะห์ที่สามารถอ่านได้เพื่อให้แน่ใจว่าเนื้อหานั้นเข้าใจง่ายสำหรับผู้เข้าชมเว็บไซต์


ธุรกิจของคุณเริ่มทำ SEO หรือยัง? 

Search Engine Optimization หรือ SEO คือ กระบวนการปรับปรุงการมองเห็นเว็บไซต์ใน Search Engine เช่น Google ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถเพิ่มการเข้าชมแบบออร์แกนิกและดึงดูดผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าได้ 

SEO เกี่ยวข้องกับเทคนิคต่างๆ เช่น การวิจัยคีย์เวิร์ด การสร้างเนื้อหา การเพิ่มประสิทธิภาพทางเทคนิค และการสร้างลิงก์ หากคุณมีเว็บไซต์ สิ่งสำคัญคือต้องลงทุนเวลาและความพยายามไปกับ SEO เพื่อให้แน่ใจว่าเว็บไซต์จะอยู่ในอันดับที่ดีในเครื่องมือค้นหา แนะนำมากๆ สำหรับธุรกิจที่มีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง


 


บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที