วัตพล

ผู้เขียน : วัตพล

อัพเดท: 31 มี.ค. 2024 23.43 น. บทความนี้มีผู้ชม: 5064 ครั้ง

ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวไปอย่างรวดเร็ว การตลาดดิจิทัลเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรถูกละเลย เนื่องจากในปัจจุบันมีผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้การตลาดแบบดิจิทัลเป็นเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับธุรกิจทุกประเภทไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดใหญ่หรือเล็ก การตลาดดิจิทัลมีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อเทียบกับการตลาดแบบดั้งเดิม ด้วยเหตุนี้ บทความเกี่ยวกับ Digital Marketing จึงเป็นบทความที่มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่สนใจในการตลาดดิจิทัล


SEM คืออะไร ทำไมหลายธุรกิจจึงต้องทำการตลาดแบบ SEM!?

Search Engine Marketing หรือที่เรียกว่า SEM คืออะไร Search Engine อะไรที่นิยมใช้มากที่สุด แล้ว SEM กับ SEO แตกต่างกันอย่างไร ใช้ควบคู่กันได้หรือไม่

SEM คือ

การตลาดในปัจจุบันมีการแข่งขันที่สูงมากขึ้น ทำให้หลาย ๆ ธุรกิจต้องวางกลยุทธ์ทางการตลาด เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้เร็วขึ้นและตรงกับความต้องการมากขึ้น Search Engine Marketing หรือ SEM คือ การตลาดออนไลน์ที่จะช่วยตอบโจทย์ความต้องการนั้น ที่จะช่วยให้กลุ่มเป้าหมายสามารถมองเห็นเว็บไซต์ของเราได้มากขึ้น แล้ว SEM คืออะไร มีขั้นตอนในการทำอย่างไรบ้าง เราไปดูกัน

SEM (Search Engine Marketing) คืออะไร 

Search Engine Marketing หรือเรียกย่อ ๆ ว่า SEM คือ การตลาดดิจิทัลรูปแบบหนึ่งที่เน้นเกี่ยวกับการโปรโมตหน้าเว็บไซต์ ด้วยการเพิ่มการมองเห็นในหน้าผลลัพธ์ของเครื่องมือค้นหา (Search Engine Results Pages: SERP) ผ่านการโฆษณาแบบชำระเงิน ซึ่ง SEM จะมีเทคนิคต่าง ๆ รวมถึงการโฆษณาแบบจ่ายต่อคลิก (Paid Per Click: PPC) และการเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องมือค้นหา (Search Engine Optimization: SEO) เพื่อกระตุ้นยอดการเข้าชมเว็บไซต์ของกลุ่มเป้าหมาย

ดังนั้น การทำ SEM จึงมีเป้าหมายหลัก คือ การเพิ่มการแสดงผลของเว็บไซต์ในผลลัพธ์ของเครื่องมือค้นหาและดึงดูดให้กลุ่มเป้าหมายเข้าชมด้วยเทคนิคต่าง ๆ ซึ่ง SEM จึงเป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพสำหรับธุรกิจในการเพิ่มการมองเห็นทางช่องทางออนไลน์ เพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์ และสร้างโอกาสในการขายหรือเพิ่มยอดขาย สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่าย

หลักการของ Search Engine 

Search engine marketing

หลักการทำงานของ Search Engine เพื่อนำเสนอผลการค้นหาที่เกี่ยวข้องแก่ผู้ใช้ โดยจะต้องมีความครอบคลุมหรือมีหลักการ ดังต่อไปนี้

รูปแบบการทำ SEM 

รูปแบบของการทำ SEM แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ การโฆษณาแบบจ่ายต่อคลิก (Paid Per Click: PPC) และการเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องมือค้นหา (Search Engine Optimization: SEO) โดยมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้

1. การทำ PPC (Paid Per Click) 

ทำ SEM

การทำ PPC (Paid Per Click) เป็นรูปแบบการโฆษณาออนไลน์ที่ผู้ลงโฆษณาจ่ายค่าธรรมเนียมทุกครั้งที่มีการคลิกโฆษณา เป็นรูปแบบหนึ่งของ Search Engine Marketing ที่ช่วยให้ผู้ลงโฆษณาเสนอราคาสำหรับคำหลักที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มเป้าหมาย  เมื่อผู้ใช้ป้อนคำค้นหาที่ตรงกับคำหลักที่ผู้ลงโฆษณาเลือกไว้ โฆษณาจะแสดงในหน้าผลลัพธ์ของเครื่องมือค้นหา (SERP) หรือบนเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง

การทำ PPC มีข้อดีคือ การเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุด เมื่อมีการใช้คำหลักที่ตรงกัน สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายการโฆษณาได้ดีขึ้น สามารถวิเคราะห์ข้อมูลผลการค้นหาได้ เพื่อนำมาปรับปรุงแผนการตลาดอีกครั้ง 

2. การทำ SEO (Search Engine Optimization) 

seo SEM คือ

การทำ SEO (Search Engine Optimization) เป็นแนวทางในการเพิ่มประสิทธิภาพหน้าเว็บไซต์ เพื่อปรับปรุงการมองเห็นและการจัดอันดับในหน้าผลลัพธ์ของเครื่องมือค้นหา (SERPs) แบบไม่เสียค่าใช้จ่าย โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อเพิ่มปริมาณและคุณภาพของการเข้าชมเว็บไซต์จากเครื่องมือค้นหามากขึ้น

SEO เป็นกระบวนการอย่างต่อเนื่องที่ต้องมีการตรวจสอบ วิเคราะห์ และปรับเปลี่ยนอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มการแสดงผลของเว็บไซต์ในผลการค้นหาทั่วไป เพิ่มการเข้าชมของกลุ่มเป้าหมาย และปรับปรุงประสิทธิภาพโดยรวมของเว็บไซต์ ด้วยการใช้กลยุทธ์ SEO ที่มีประสิทธิภาพ จะทำให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้อย่างสม่ำเสมอ

SEM กับ SEO ต่างกันอย่างไร 

คำว่า SEM กับ SEO มีความแตกต่างกันอย่างไร โดยทั้ง 2 ต่างเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดดิจิทัลที่มีเป้าหมาย เพื่อปรับปรุงการแสดงผลของเว็บไซต์ในผลลัพธ์ของเครื่องมือค้นหา แต่มีแนวทางและลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกัน

โดย SEM เป็นคำเรียกกลยุทธ์ทางการตลาดในภาพรวม ทั้งแบบที่เสียค่าใช้จ่ายและแบบทั่วไป มีความต้องการงบประมาณสำหรับแคมเปญโฆษณาที่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่ง SEM สามารถทำให้มองเห็นและเข้าชมเว็บไซต์ได้ทันที เพราะมีค่าใช้จ่าย จึงมีการแสดงผลในอันดับต้น ๆ นอกจากนี้ ผู้ลงโฆษณาสามารถควบคุมแคมเปญของตนได้ 

ส่วน SEO หมายถึง กลยุทธ์ทางการตลาดที่ไม่เสียค่าใช้จ่าย เป็นการมุ่งเน้นไปที่การปรับเนื้อหา โครงสร้าง และองค์ประกอบทางเทคนิคของเว็บไซต์ให้เหมาะสม จึงจะต้องใช้ระยะเวลาในการเพิ่มประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง กว่าที่จะเห็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น อีกทั้งในการแสดงผลการค้นหาที่จะปรากฏที่ด้านล่างโฆษณาที่เสียค่าใช้จ่าย ทำให้ไม่สามารถควบคุมเวลาหรือผลลัพธ์ได้ดีเท่าการทำ SEM 

โดยสรุปแล้ว SEM คือ กลยุทธ์ทางการตลาดที่ใช้โฆษณาที่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ซึ่งส่งผลให้มองเห็นได้ในทันที ในขณะที่ SEO มุ่งเน้นไปที่การเพิ่มประสิทธิภาพแบบไม่เสียค่าใช้จ่าย สำหรับการจัดอันดับของเครื่องมือค้นหาในระยะยาว กลยุทธ์ทั้งสองมีข้อดีและสามารถใช้ร่วมกันได้ เพื่อเพิ่มการแสดงผลในช่องทางออนไลน์ของเว็บไซต์และเพิ่มยอดการเข้าชมของกลุ่มเป้าหมาย

ทำไมธุรกิจควรรู้จักกับ SEM 

ธุรกิจควรรู้เกี่ยวกับ Search Engine Marketing เพราะ SEM คือ กลยุทธ์ทางการตลาดออนไลน์ที่มีประสิทธิภาพ โดยสรุปได้ดังนี้

เริ่มต้นทำ SEM อย่างไรดี?

SEM

มาถึงตรงนี้ หลายธุรกิจอาจจะเริ่มสนใจทำ SEM แล้ว แต่เราจะเริ่มต้นทำ SEM กันอย่างไรดี เรามีข้อแนะนำ คือ

การทำ SEM Keyword Research 

SEM ย่อมาจาก

การทำ SEM Keyword Research คือ การศึกษาคำหลักหรือข้อความค้นหาที่เกี่ยวข้องที่จะใช้ โดยผู้โฆษณาจะต้องคำหลักที่มีความเกี่ยวข้องมากที่สุดในการกำหนดเป้าหมาย เพื่อให้มั่นใจได้ว่า โฆษณาของเราจะสามารถแสดงผล เมื่อมีกลุ่มเป้าหมายค้นหาคำนั้น ทั้งนี้ เป็นการเพิ่มโอกาสให้กลุ่มเป้าหมายเข้าชมหน้าเว็บไซต์มากขึ้น

Google Ads Account Structure 

Google SEM

Google Ads Account Structure ช่วยให้ผู้ลงโฆษณาสามารถจัดแคมเปญ กลุ่มโฆษณา คำหลัก และโฆษณาได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการกำหนดเป้าหมาย การเสนอราคา และการติดตามผล ส่งผลให้โฆษณาสามารถแสดงผลไปยังกลุ่มเป้าหมายได้อย่างเหมาะสมบนแพลตฟอร์ม Google Ads

Ad Auction คืออะไร 

Ad Auction เป็นกระบวนการที่เครื่องมือค้นหากำหนดว่า จะแสดงโฆษณาใดในลำดับใด เมื่อผู้ใช้ป้อนคำค้นหา เป็นกลไกที่เครื่องมือค้นหา เช่น Google ใช้ในการพิจารณาว่า โฆษณาใดเกี่ยวข้องกับการค้นหาของผู้ใช้มากที่สุดและควรแสดงเป็นอันดับที่เท่าใด ซึ่งขึ้นอยู่กับการเสนอราคาและคุณภาพของโฆษณาของผู้ลงโฆษณา

ขั้นตอนการทำ SEM

ตามที่ทราบว่า SEM คือ กลยุทธ์ทางการตลาดออนไลน์ ที่จะต้องมีกระบวนการและขั้นตอนในการวางแผน ดำเนินการ จัดการ และเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญการตลาดผ่านเครื่องมือค้นหา

1. กำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน

ขั้นตอนแรกของ SEM คือ การกำหนดสิ่งที่ต้องการบรรลุ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มยอดการเข้าชมเว็บไซต์ การกระตุ้นยอดขาย กำหนดกลุ่มเป้าหมาย งบประมาณ ระยะเวลาที่ใช้ รวมถึงการวิจัยคำหลักอย่างครอบคลุมที่กลุ่มเป้าหมายน่าจะใช้เมื่อค้นหาผลิตภัณฑ์หรือบริการ โดยพิจารณาปริมาณการค้นหา และปริมาณคู่แข่ง

2. เลือกช่องทางโฆษณา

ในท้องตลาดมีช่องทางออนไลน์อยู่มากมาย ดังนั้น เราจึงต้องเลือกช่องทางเหล่านั้น ที่กลุ่มเป้าหมายจะใช้ได้มากที่สุด จากนั้น จึงพัฒนาข้อความโฆษณาที่น่าสนใจและไฟล์เนื้อหาที่สร้างสรรค์ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายแคมเปญ สร้างหัวข้อข่าวที่โน้มน้าวใจ ข้อความโฆษณาที่สื่อความหมาย และคำกระตุ้นการตัดสินใจที่ชัดเจน

3. ตรวจสอบโฆษณา

เป็นขั้นตอนการทำ SEM ที่เน้นการตรวจสอบและเพิ่มประสิทธิภาพโฆษณา มีการปรับให้เหมาะสม จัดแนวเนื้อหา การออกแบบ และข้อความให้ตรงกับข้อความโฆษณาและคำสำคัญของคุณ เพิ่มประสิทธิภาพความเร็วในการโหลด รวมถึงการวิเคราะห์ผลลัพธ์ เพื่อนำมาปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพของโฆษณา

4. ติดตามผล

อีกหนึ่งขั้นตอนของ SEM คือ การติดตามการเปลี่ยนแปลง  เช่น การส่งแบบฟอร์ม การซื้อ หรือการลงทะเบียน และการใช้เครื่องมือวิเคราะห์เว็บ เช่น Google Analytics เพื่อรับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้ใช้และประสิทธิภาพของแคมเปญ

5. การจัดโฆษณาอย่างต่อเนื่อง

SEM เป็นกระบวนการทางการตลาดที่จะต้องทำอย่างต่อเนื่อง เพื่อตรวจสอบและปรับปรุงแคมเปญตามข้อมูลแนวโน้มของตลาด และการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้ใช้ เพื่อให้เราสามารถพัฒนาและปรับกลยุทธ์ได้อย่างเหมาะสม

เทคนิคการทำ SEM 

เทคนิคการทำ SEM ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น เรามีข้อแนะนำดี ๆ ดังนี้

ข้อควรรู้ก่อนทำ SEM อัพเดทปี 2023 

ก่อนที่เราจะทำ SEM ในปี 2023 นี้ เราต้องทราบข้อควรรู้หลายประการก่อนว่า เราจะต้องเตรียมตัวอย่างไร เพื่อให้ SEM ของเราเกิดผลมากที่สุด

เครื่องมือที่ใช้ในการทำ SEM  

เครื่องมือ Search Engine ที่นิยมใช้มากที่สุด ในการทำ SEM ที่เราจะต้องรู้จักและศึกษา เพื่อนำมาใช้ในธุรกิจของเรา ได้แก่

1. Google Ads

Google SEM คือ

สำหรับ Google SEM คือ เครื่องมือค้นหาที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ซึ่งมีเครื่องมือและฟีเจอร์มากมาย สำหรับจัดการและเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญ ซึ่งประกอบด้วยเครื่องมือวิจัยคำหลัก ตัวเลือกการจัดการการเสนอราคา การสร้างโฆษณาและความสามารถในการทดสอบ การติดตามการแปลง และการวิเคราะห์ อีกทั้งยังมีการพัฒนาระบบให้สามารถรองรับทั้ง SEO และ SEM อย่างครอบคลุม

2. Bing Ads

search engine ที่นิยมใช้มากที่สุด

Bing Ads หรือที่รู้จักกันในชื่อ Microsoft Advertising เป็นการค้นหาผ่าน Microsoft ซึ่งก็ได้รับความนิยมสูงเช่นกัน เป็นแพลตฟอร์มโฆษณาแบบ PPC ช่วยให้ธุรกิจสามารถแสดงโฆษณาบนหน้าผลลัพธ์ของเครื่องมือค้นหา Bing (SERPs) ได้

3. Facebook Ads

search marketing คือ

Facebook Ads เป็นแพลตฟอร์มโฆษณาออนไลน์ที่กำลังมาแรงและใช้กันอย่างแพร่หลาย โดย Facebook จะช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างและจัดการแคมเปญโฆษณาที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายบนแพลตฟอร์ม Facebook และเครือข่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึง Instagram, Messenger และแอปอื่น ๆ อีกมากมาย

ทำไมจึงควรทำ SEO พร้อมๆกับการทำ SEM 

SEM กับ SEO

การที่ธุรกิจของเรานั้น ดำเนินการทำ SEM กับ SEO ไปพร้อม ๆ กัน จะช่วยให้กลุ่มเป้าหมายของเรามองเห็นโฆษณาของเราได้มากขึ้น เป็นการพัฒนาและปรับปรุงโฆษณาในทุกมิติ ตั้งแต่การปรับปรุงเว็บไซต์ของตนเองให้มีการเปลี่ยนแปลง มีความน่าสนใจด้วยตัวของเว็บไซต์เอง อีกทั้งยังมีการใช้งบประมาณสำหรับการใช้แพลตฟอร์ม เพื่อดันให้เว็บไซต์ของเราแสดงผลในการค้นหาอันดับแรก ๆ ยิ่งเป็นการกระตุ้นให้กลุ่มเป้าหมายพบเว็บไซต์ของเราได้มากขึ้น และมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น จึงถือว่าเป็นกลยุทธ์การตลาดในระยะยาวที่ยั่งยืน


บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที