วัดคินคะคุจิ (Kinkakuji) ที่คนไทยทั่วไปรู้กันในชื่อว่าวัดทองนั่นเอง สาเหตุที่คนส่วนมากเรียกวัดนี้ว่าวัดทองนั่นก็เพราะว่าอาคารหลักของวัดนี้มีสีทองเหลืองอร่ามตั้งโดเด่นเป็นสง่าอยู่ท่ามกลางน้ำ เวลามองภาพสะท้อนก็กลายเป็นภาพที่งดงามไม่แพ้กัน เรียกได้ว่าดังขนาดกลายเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์หนึ่งของสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองเกียวโต จริงๆแล้วมีอีกชื่อนึงที่เป็นที่รู้จักของคนท้องถิ่นนั่นก็คือ “วัดโระคุงอนจิ (Rokuon-ji Temple)” ที่แปลว่าวัดสวนกวาง และด้วยสถาปัตยกรรมที่งดงามล้ำค่านี่เองจึงทำให้ได้รับการขึ้นทะเบียนจากยูเนสโกให้เป็นมรกดโลกในปี ค.ศ. 1994
เดิมทีนั้นวัดแห่งนี้ถูกสร้างมาเพื่อเป็นที่พำนักของท่านโชกุนอาชิกาก้า โยชิมิสุ (Ashikaga Yoshimitsu) และยังมีไว้เพื่อรับรองแขกระดับสำคัญๆเท่านั้น ภายหลังที่ท่านเสียชีวิตก็มีการยกที่พักแห่งนี้ให้กลายมาเป็นวัดในนิกายเซน ซึ่งก็กลายมาเป็นวัดวัดคินคะคุจิอย่างปัจจุบันนี่เอง และด้วยความงดงามตระการตาจึงกลายมาเป็นต้นแบบของวัดวัดกินคะคุจิหรือวัดเงินที่ถูกสร้างโดยหลายชายของโชกุนในต่อมา
ไม่ใช่แค่เพียงอาคารหลีกสีเหลืองทองตรงมุมด้านหน้าใกล้กับทางเข้าวัดซึ่งเป็นภาพที่วัดสีทองอร่ามที่มีสวนอยู่โดยรอบเป็นเงาสะท้อนกับน้ำในสระเท่านั้นนะคะที่น่าสนใจ แต่ส่วนต่างๆภายในวัดก็มีความน่าสนใจไม่แพ้กันเลยทีเดียว เนื่องจากวัดคินคะคุจิมีโครงสร้างทางสถาปัตยกรรมที่งดงาม บรรยากาศรอบๆก็มีความร่มรื่นและถูกตกแต่งอย่างมีสไตล์โบราณแบบญี่ปุ่นอีกผลักดันให้กลายเป็นวัดที่มีเสน่ห์เฉพาะตัวมากๆ แทบจะดูไม่ออกเลยว่าอาคารหลายๆส่วนนั้นเคยถูกเผาทำลายในช่วงสงครามโอนิน (Onin ) ในปี ค.ศ. 1950มาแล้ว เนื่องจากมีการบูรณะก่อสร้างวัดขึ้นมาใหม่ในปี ค.ศ.1955 นั่นเอง ฉะนั้นมาเมืองเกียวโตนี่อย่าพลาดมาชมอาคารสีทองเลยนะครับ
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที