เมืองอัจฉริยะ Smart City แนวคิดที่ให้สังคมพึ่งพาเทคโนโลยีให้มากขึ้น เพื่อสร้างประโยชน์ที่คนอาจไม่คาดคิด โดยบทความนี้จะช่วยสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับแนวคิดนี้มากยิ่งขึ้น
ในปัจจุบันได้มีการคิดค้นและพัฒนาเทคโนโลยีต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง จุดประสงค์ คือ เพื่อสร้างประโยชน์ให้กับส่วนรวม ไม่ว่าจะเป็นแง่ของความสะดวกสบายที่มากขึ้น เพื่อลดการใช้ทรัพยากร ไปจนถึงรักษาสภาพแวดล้อมให้ดียิ่งขึ้น แต่เทคโนโลยีที่กล่าวมาจะเกิดประโยชน์ เมื่อมันถูกนำมาใช้ในวงกว้าง
แนวคิด Smart City เพื่อผลักดันให้คนในสังคมหันมาใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ ที่มี มาสร้างผลลัพธ์ที่ดีในแง่ต่าง ๆ สำหรับกิจกรรมที่ทำในชีวิตประจำวัน โดยในบทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับแนวคิด Smart City หรือเมืองอัจฉริยะ คืออะไร เพื่อให้เห็นถึงประโยชน์และความจำเป็นว่า ทำไมเราถึงหันมาใช้แนวคิด Smart City
Smart City คือ แนวคิดที่ผลักดันส่งเสริมให้นำเทคโนโลยีมาพัฒนาสร้างความเจริญ ความสะดวกสบาย และประโยชน์ต่าง ๆ ให้แก่คนในสังคม โดยเทคโนโลยีต่าง ๆ นั้นก็มีอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นกล้องวงจรปิด ระบบไฟจราจร ระบบขนส่งโดยสาร ระบบไฟฟ้า ซึ่งระบบต่าง ๆ ก็มีเชื่อมต่อกันผ่านอินเทอร์เน็ต เพื่อให้สามารถใช้งานได้ง่าย
นวัตกรรมเหล่านี้เปลี่ยนให้เมืองธรรมดา กลายเป็น Smart City หรือเรียกอีกชื่อว่าเมืองอัจฉริยะ ซึ่งหากนวัตกรรม เทคโนโลยีถูกนำมาใช้ได้จริงจะช่วยให้การ ดำเนินชีวิตของคนในสังคมมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
เพื่อให้เข้าใจถึงภาพรวมของแนวคิด Smart City ให้มากยิ่งขึ้น เรามาดู 5 องค์ประกอบสำคัญที่ทำให้เมืองถูกเรียกว่า Smart City ได้ ซึ่งแต่ละองค์ประกอบต่าง ๆ ก็มีรายละเอียดดังนี้
แม้ว่าจะมีเทคโนโลยี นวัตกรรมที่ล้ำสมัยขนาดไหน แต่หากขาดผู้ใช้ เทคโนโลยีเหล่านั้นก็ไม่สามารถสร้างประโยชน์ได้ ดังนั้นองค์ประกอบข้อแรกของ Smart City ซึ่งเรียกได้ว่าสำคัญที่สุด ก็คือ Smart People ซึ่งการทำให้เกิด Smart People เพื่อมาขับเคลื่อน Smart City นั้น จำเป็นต้องให้ประชาชนทุกคนสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้อย่างเท่าเทียม ไม่จำกัดชนชั้น ระดับการศึกษา
เพราะหัวใจสำคัญของเทคโนโลยีต่าง ๆ คือ อินเทอร์เน็ต หากประชาชนยังไม่สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ การเข้าถึงเทคโนโลยีต่าง ๆ ก็แทบเป็นไปไม่ได้เลย ดังนั้นจึงควรมีการผลักดันอินเทอร์เน็ตให้เข้าถึงที่ต่าง ๆ ได้อย่างทั่วถึง ไม่ว่าจะเป็นชุมชน หรือสถานศึกษา และให้การศึกษาเพื่อให้ประชาชนสามารถใช้อินเทอร์เน็ตเป็น และใช้อย่างถูกวิธี เพื่อให้ทุกคนมีส่วนช่วยผลักดันแนวคิด Smart City
เมื่อประชาชนสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้แล้ว สิ่งที่สำคัญ ก็คือการนำไปใช้ได้จริง เราเรียกว่า Smart Living โดย Smart Living คือ การดำรงชีวิตอัจฉริยะ ประชาชนสามารถนำเทคโนโลยีที่มีไปใช้ได้ แม้ว่าเทคโนโลยีต่าง ๆ จะมีจุดประสงค์เพื่อช่วยสร้างประโยชน์ให้กับสังคม แต่สิ่งสำคัญคือ ผู้พัฒนาต้องทำการพัฒนาเทคโนโลยีให้สามารถเข้าใจได้ง่าย และสามารถนำไปใช้งานได้จริง
เพราะประชาชาแต่ละคนมีการศึกษา และพื้นฐานความเข้าใจในเทคโนโลยีที่แตกต่างกัน ดังนั้นความท้าทายของผู้พัฒนาว่าจะพัฒนาเทคโนโลยีอย่างไร ให้ทุกคนเข้าใจและนำไปใช้ได้ เพราะหากออกแบบมาให้ใช้งานได้ยาก เทคโนโลยีเหล่านั้นก็จะถูกวางทิ้งไว้ ไม่ได้นำไปใช้งาน และทำให้แนวคิด Smart City ไม่ได้รับการผลักดัน
สาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ที่ทุกประเทศ ทุกเมือง ล้วนให้ความสำคัญคือการจราจร การคมนาคม เมืองที่น่าอยู่ คือ เมืองที่มีการจราจรไม่ติดขัด ประชาชนสามารถเดินทางสัญจรไปที่ต่าง ๆ ได้ง่าย มีระบบขนส่งมวลชนเพียงพอทั่วถึง การนำแนวคิด Smart City มาประยุกต์ใช้กับการจราจร ถูกเรียกได้อีกชื่อว่า Smart Mobility
หากประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลด้านการจราจร จะช่วยให้สามารถหลีกเลี่ยงเส้นทางรถติด และระบบขนส่งมวลชน สามารถถูกอัปเกรดได้ ข้อมูลการเดินของรถสายต่าง ๆ ช่วยสร้างความสะดวกสบายให้ประชาชนสามารถเดินทางได้ง่าย ซึ่งเทคโนโลยี Smart Mobility ที่เห็นได้ชัด ก็คือ แอปพลิเคชันแผนที่ต่าง ๆ
ปัจจุบันพลังงานเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่ หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไปตามครัวเรือน ยังคงจำเป็นต้องพึ่งพลังงานอยู่ ซึ่งแนวคิด Smart City ที่นำมาประยุกต์ใช้กับพลังงานเรียกอีกชื่อว่า Smart Energy ซึ่ง Smart Energy คือ แนวคิดการสร้างพลังงานไฟฟ้าเพิ่มอีกช่องทาง ให้ทุกบ้านสามารถสร้างพลังงานไฟฟ้าของตนเอง โดยใช้พลังงานสะอาดเป็นตัวขับเคลื่อน
อย่างไรก็ตามพลังงานเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ แต่จะดีกว่าหรือไม่ หากเราสามารถสร้างพลังงานไฟฟ้าโดยไม่ส่งผลเสียต่อธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม
การรณรงค์เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ดียิ่งขึ้น เพิ่มพื้นที่สีเขียว ลดปริมาณการสร้างมลพิษให้สิ่งแวดล้อม
แนวคิดนี้กำลังกลายเป็นที่นิยมมากขึ้น ซึ่งแนวคิดของ Smart City ก็มีครอบคลุมถึงข้อนี้เช่นกัน Smart Enviroment หรือการนำเทคโนโลยี นวัตกรรมต่าง ๆ มาสร้างผลลัพธ์ที่ดีกว่า ไม่ว่าจะเป็นการบำบัดน้ำเสีย การรีไซเคิล หรือกระบวนการลดการสร้างควันเสียในอุตสาหกรรม
Smart City อาจจะดูเป็นแนวคิดใหม่สำหรับหลายคน แต่แท้จริงแล้วแนวคิดของ Smart City มีมาตั้งแต่ปี
ค.ศ.2001 ประเทศเกาหลีใต้ เมือง Songdo ถูกขนาดนามว่าเป็น Smart City รุ่นแรก ๆ ของโลก โดยเมือง Songdo เป็นส่วนหนึ่งของ Incheon Economic Zone มันถูกออกแบบตั้งแต่ปี ค.ศ.2001 และเริ่มดำเนินการสร้างปี ค.ศ.2005
จากเดิมเมือง Songdo เป็นพื้นที่โล่ง ๆ ที่มาจากการทะเล แต่ในปัจจุบันเมือง Songdo ได้กลายเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยตึกขนาดใหญ่ ที่อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีต่าง ๆ มีทั้งผู้อาศัย และผู้เข้ามาทำงานอย่างคับคั่ง โดยเมือง Songdo ถูกออกแบบด้วยหลักการ Smart City
ซึ่งนวัตกรรมต่าง ๆ ของเมือง Songdo ก็จะมีกล้องตรวจจับทุกจุดในเมือง เพื่อให้เจ้าหน้าที่เทศบาลคอยสอดส่องสถานการณ์ต่าง ๆ บนท้องถนน รวมถึงการจราจร เน้นการเพิ่มพื้นที่สีเขียว เพิ่มกระบวนการรีไซเคิล และขยะและของเสียทั้งหมดในเมือง Songdo จะถูกคัดแยกอัตโนมัติด้วยกระบวนการพิเศษและส่งไปผลิตเป็นพลังงานให้กับเมือง ซึ่งเทคโนโลยีทั้งหลายถูกพัฒนาด้วยบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง CISCO
นอกจากเมือง Songdo ประเทศเกาหลีใต้ที่กล่าวไว้ข้างต้น ในโลกนี้ยังมีประเทศอื่น ๆ ที่นำแนวคิด Smart City ไปประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในสังคม โดยตัวอย่างโครงการ Smart City ในต่างประเทศมีดังนี้
ในเมือง New York สหรัฐอเมริกา มีตู้โทรศัพท์สาธารณะตั้งอยู่หลายแห่ง แต่การมาของโทรศัพท์มือถือ ทำให้ความสำคัญของตู้โทรศัพท์สาธารณะค่อย ๆ หายไป แต่เมือง New York ได้มีแผนพัฒนาเปลี่ยนตู้โทรศัพท์สาธารณะเหล่านั้นให้กลายเป็นจออัจฉริยะ เพื่อคอยรายงานข่าวสาร เหตุการณ์ต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร และช่วยให้เข้าถึงการใช้งานอินเทอร์เน็ตสำหรับทุกคน
สำหรับประเทศที่มีนวัตกรรมก้าวล้ำอย่างญี่ปุ่น ไม่มีทางพลาดที่จะนำแนวคิด Smart City มาใช้ โดยทาง Panasonic ได้มีการสร้างหมู่บ้านแบบ Eco-village ซึ่งห่างไปจากโตเกียวไม่กี่ไมล์ ซึ่งหมู่บ้านเหล่านี้มีเป้าหมายที่ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ให้หมดไป หันมาใช้พลังงานทดแทน ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ประหยัดพลังงาน และระบบอัจฉริยะต่าง ๆ เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้คนในบ้าน
การผลักดันแนวคิด Smart City อาจสร้างประโยชน์ให้คนมากมายแต่ การผลักดันให้มันสามารถนำไปใช้ได้จริงก็ยังคงมีอุปสรรคต่าง ๆ อยู่ โดยสิ่งที่จะไปขัดขวางการพัฒนาสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะ Smart City มีดังนี้
หลักการของ Smart City คือ ระบบทำงานผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต มีการเชื่อมโยงกัน ดังนั้นอินเทอร์เน็ตเป็นส่วนสำคัญที่ขาดไม่ได้สำหรับ Smart City หรือแม้กระทั่ง Smart Home ในระดับครัวเรือน
จะเห็นได้ว่าแนวคิดของ Smart City นั้นค่อนข้างกว้าง มีเทคโนโลยี นวัตกรรมต่าง ๆ มากมายให้สามารถนำไปใช้งาน แต่หากไม่รู้จะเริ่มอย่างไร สามารถศึกษาข้อมูลได้จาก NT Official ซึ่งเป็นบริษัทที่สนับสนุนแนวคิดผลักดันให้ประเทศไทยกลายเป็น Smart City Thailand
Smart City เป็นแนวคิดผลักดันที่ช่วยให้สังคมนั้น ๆ เจริญก้าวหน้าด้วยเทคโนโลยี นวัตกรรม อย่างไรก็ตามแนวคิด Smart City จะไม่มีทางเกิดขึ้น หากขาดการสนับสนุนจากคนในสังคม ดังนั้นมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างเมืองอัจฉริยะในประเทศไทยกันเถอะ
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที