ชนิตพล

ผู้เขียน : ชนิตพล

อัพเดท: 18 ม.ค. 2014 06.10 น. บทความนี้มีผู้ชม: 987941 ครั้ง

"ประสบการณ์ยิ่งมากยิ่งมีคุณค่าควรรู้และยิ่งมีค่ามากที่สุดเมื่อถูกถ่ายทอดออกมาจากใจ"


วันที่ 22 ภาคประยุกต์แผนเชิงกลยุทธ์ (Applied Strategy )(5)

ตอนที่ 82

วันที่ 22

ภาคประยุกต์แผนเชิงกลยุทธ์ (Applied Strategy )(5)

                    

กลไกทางจิต  (Defense Mechanism)

          ซิกมันด์ ฟรอยด์ (Sigmund Freud) …..ได้บัญญัติทฤษฏีจิตวิเคราะห์โดยแบ่งการทำและ   

หน้าที่ของจิตไว้…....ตามระดับความคิด……การรับรู้/การเรียนรู้…..และตามโครงสร้างของจิต…….กล่าวคือ ปกติจิตมนุษย์จะรับรู้และเกิดการเรียนรู้ภายในเวลา…..ต่างกันจะเกิดทันทีทันใด / หรือในช่วงเวลาหนึ่งเวลาใดก็ตาม…..ก็ต้องอยู่ภายใต้…..จิตสำนึก (conscious) ที่มนุษย์มีความรู้สึกนึกคิดของจิต ณ เวลาปัจจุบันทุกขณะ…..…..จิตก่อนสำนึก (preconscious) ต้องเกิดจากความตั้งใจที่จะนึก / คิด ว่าขณะจิตนั้นๆ ต้องการที่จะดึงเอาความทรงจำ / เหตุการณ์ ที่เคยเกิดขึ้นในอดีต กลับมาใช้เทียบเคียงกับเหตุการณ์ในขณะจิตปัจจุบัน เพื่อประโยชน์ข้อหนึ่งข้อใด ตามที่จิตสำนึก นั้นๆต้องการ….…และเราสามารถจัดกระบวนความคิดแบบ Secondary Process โดยยึดหลักของสิ่งที่เกิดขึ้นจริงหรือ reality principle เป็นจิตที่ระดับ Ego คือส่วนที่มีอยู่ในจิตทุกระดับ…ช่วยดึงจิตที่ไม่มีเหตุผลให้กลับมามีเหตุผล และช่วยให้จิตที่พัฒนาสุดโต่ง กลับลงมาอยู่บนพื้นฐานของ การมีเหตุและผล…ผลลัพธ์ที่มนุษย์ได้รับ/แสดงออกมา อยู่ในหลายรูปแบบเช่น….ความสมหวัง / ความพึงพอใจ…..ความผิดพลาด / ผิดหวัง…..และความต้องการที่อยู่บนเหตุผลต่างๆ เช่น ต้องการความสำเร็จในชีวิตจึงต้องเรียนหนังสือและขยันทำงานก็เพื่อได้มาซึ่ง ปัจจัย 4  หรือความต้องการพื้นฐานของมาสโลว์ (Maslow) ที่มนุษย์ต้องการและขาดไม่ได้ เป็นต้น

                        จิตไร้สำนึก (unconscious) ความตั้งใจที่จะดึงจิตก่อนสำนึก ขึ้นมาอยู่ในระดับ จิตสำนึก ให้ได้นั้น เมื่อเกิดความพยายามดึงส่วนนั้นๆขึ้นมา ไม่สำเร็จ / ไม่สมบูรณ์ หรืออาจจะอยู่ในภาวะที่ ปัจจุบันทางกายแต่ไม่ปัจจุบันทางจิต…เช่นร่างกายกำลังพักผ่อนอยู่ ในสภาวะมึนงง พะวัง หรือหลับพักผ่อนอยู่ ความรู้สึก / นึกคิด จะสามารถแสดงออกมาในรูปของความฝัน….บางครั้งก็เป็นอาการของมนุษย์ที่อยู่ในสภาวะร่างกายไม่ปกติ….การระลึกสิ่งที่เคยเกิดขึ้นมาอย่างยาวนานในอดีตนั้นโดยไม่สามารถพิสูจน์ได้ด้วยหลักวิทยาศาสตร์ปัจจุบัน…..หรือบางอย่างก็สามารถเทียบเคียงได้จากสภาวะรอบข้าง…..บางครั้งเราก็ให้ความหมายว่าเป็นการระลึกชาติ…..?  จะเป็นจริงหรือไม่…..ก็ต้องมีการพิสูจน์เป็นกรณีๆไป ……..เราสามารถจัดกระบวนความคิดเป็นแบบ  Primary Process ซึ่งอยู่ในระดับจิตไร้สำนึก……..ผลที่ต้องการก็คือ……..ความสมหวังเพื่อนำมาซึ่งปัจจัย 4……แต่การกระทำทั้งหมดเป็น pleasure principle  กระทำอยู่บนพื้นฐานของการไม่มีเหตุผล…..มีแต่ความต้องการและความพึงพอใจ…..จะอยู่ในรูปของความนึกคิดและความฝัน…..อาจจะเข้าหลักของ Law of Attraction เป็นเสมือนพลังดึงดูดชนิดหนึ่ง ที่เกิดจากความคิดของมนุษย์….ที่คิดซ้ำๆกันด้วยความมุ่งมั่นที่กระทำอันยาวนานและต่อเนื่อง ……..เป็นพลังที่เข้มแข็งและกลายเป็นคลื่นก่อให้เกิด Vibration เพื่อส่งอิทธิพลถึงสภาพรอบข้าง…..จะเป็นวัตถุ / สิ่งของ…..เหตุการณ์หรือ ความนึกคิด….ให้คล้อยตามและเป็นไปตามที่คิดไว้……..อาจจะเป็นไปตามปัจจัยปรุงแต่ง ที่เกิดจากความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม….และสามารถนำพาเพื่อให้เชื่อได้ว่า……สิ่งต่างๆเหล่านั้นเป็นเพราะดวงชะตา…..กรรมเก่า….หรือความบังเอิญ…..ความพอดีและโชคลาภ ……..เป็นจิตที่อยู่ในระดับ Id  (Identification) เป็นสิ่งที่บ่งบอกความเป็นตัวตนของมนุษย์ ซึ่งเมื่ออยู่ในภาวะจิตไร้สำนึกจะส่งผลก่อให้เกิดได้ทุกๆอารมณ์ที่ต้องการไม่ว่าจะเป็น ความโกรธเกียจ  ความรักใคร่ ความก้าวร้าว/ฉุนเฉียวและอื่นๆ………ไม่ว่าระดับจิตอยู่ที่ใด…….ซูเปอร์อีโก (Super Ego) จะสามารถควบคุมได้ทุกอย่าง ด้วยการมีสติ   เพื่อควบคุมอารมณ์ และความรู้สึก………รู้จักผิด ชอบ ชั่ว ดี ……Superego เกิดมาจากห้วงลึกของจิตใจที่พัฒนาจนเป็นมโนธรรม(conscience) เพื่อตัดสินความถูก / ผิด ของความคิด……ส่วน ego ideal…เป็นการเอาแบบอย่างหรือเดินตามตัวอย่างที่ดี…..อาจจะได้มาจากการเห็น / ประสบ หรือที่นึกคิดอยู่ในอุดมคติและพร้อมที่จะเดินรอยตามอย่างต้นแบบ

               กลไกทางจิต  (Defense Mechanism)  เป็นกลไกที่อยู่ในระดับจิตไร้สำนึกที่มนุษย์พยายามหาวิธีเพื่อป้องกันตัวเอง…..ให้พ้นจากความไม่สบายกาย ไม่สบายใจ การกระทบกระเทือนกับสิ่งที่ไม่พึงปรารถนา เช่นความผิดหวัง   ความสะเทือนใจอย่างรุนแรง…..การปลดปล่อยให้จิตมาอยู่ในระดับผ่อนคลายโดยมีร่างกายเป็นผู้เกื้อหนุนให้มีการจัดสภาพแวดล้อม….ก็จะช่วยไม่ให้เกิดอาการเก็บกดหรือ …. Repression…..ได้และการไม่หาทางระบายโดยปล่อยให้….เกิดการซ่อนเร้นอำพราง หรือถูกกดอยู่…..ภายใต้จิตใต้สำนึกนั้นๆ…..ย่อมทำให้ความสามารถที่จะใช้เหตุและผลของ Ego เกิดขึ้นได้ยาก….โดยเฉพาะการใช้พลังจิตเพื่อสร้าง Ego และผลักดันมา สู่สภาวะ…จิตสำนึก….และการยับยั้งสิ่งที่ถูกกดภายในจิตใต้สำนึกไว้….แต่ถ้าจิตยังถูกกดดันอยู่ภายในสภาพเดิมซ้ำซากนานๆอย่างต่อเนื่อง…… ก็ย่อมแสดงได้ว่าผู้นั้น…..อยู่ภายใต้แรงกดดันทางจิตอย่างสูง….และมีโอกาสที่จะแสดงออกมาในรูปของคนขาดสติ….ซึ่งอาจจะตกอยู่ในสภาพของผู้ป่วยทางจิตได้ง่าย………..ภายใต้แรงกดดันของจิตไร้สำนึกทำให้มนุษย์ต้องหาทางออกเพื่อปกป้องตนเองและพร้อมที่จะแสดงออกมาในลักษณะที่…..ไม่ยอมรับผิดเมื่อตนทำผิด…แสดงความขัดแย้งเมื่อตนไม่เห็นด้วย…..หรือสร้างพฤติกรรมเรียบแบบ / กลมกลืน/ ไม่เต็มใจ….แต่ต้องแกล้งทำเพื่อความอยู่รอดบนเหตุผลส่วนตัว….ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของ…กลไกทางจิต…. Defense Mechanism

สรุปเบื้องต้นว่า…กลไกทางจิต…..ทั้งหมดที่มนุษย์ปกติชนหรือผู้ที่ได้ชื่อว่ามีความบกพร่องทางจิต…ได้แสดงออกมาเพื่อให้ ตนเองหลุดพ้นจากสิ่งที่ถูกกดดันทั้งภายในและภายนอก ที่เผชิญอยู่ และรู้ว่าเป็นสิ่งที่ตนไม่ต้องการ ซึ่งเป็นสิ่งที่คิดได้ว่า….อาจจะทำให้ตนเดือดร้อนและเกิดความผิดปกติต่างๆได้ เพราะอย่างน้อยก็เชื่อว่าสิ่งที่ทำไปจะสามารถลด / แก้ไข / ปกป้องปัญหาต่างๆให้พ้นตัวในเวลานั้น

 สรุปเรื่องสมองและจิต

              การที่ต้องกล่าวเรื่องสมองและจิตควบคู่กันมาหลายตอนนั้น…..ผู้เขียนเห็นว่าระดับผู้นำ / ผู้บริหาร…โดยเฉพาะผู้ที่ทำงานคลุกคลี กับมนุษย์เป็นส่วนใหญ่ จำเป็นที่จะต้องใช้และนำมาปฏิบัติกับ….ผู้ที่ทำงานร่วมกัน….ผู้ใต้บังคับบัญชา….เพื่อนร่วมงาน….เพื่อคัดเลือกคน ปกครองคน หรือการบริหารระบบภายในองค์การ / องค์กร….ซึ่งเป็นส่วนของ HRโดยตรง….…..สรุปแล้ว…สมองเปรียบเสมืนกองเสนาธิการที่คอยบัญชาการให้ร่างกายมนุษย์ทำหน้าที่ต่างๆตามแผนการที่ได้วางไว้……กล่าวคือถ้าเป็นแผนเร่งด่วนสมองก็สั่งการ ออกมาทันที…..แต่ถ้าเป็นแผนที่มีความซับซ้อนสมองต้องใช้เวลาประมวลผลจากข้อมูลที่ได้รับ…. แล้วสร้างกระบวนการทางความคิดเพื่อวางแผนหรือแก้ปัญหานั้นๆ……โดยอยู่ภายใต้สภาวะจิตสำนึก (conscious) ในขณะที่คิดนั้น…หรือถ้าบุคคลนั้นสามารถนึกถึง เหตุการณ์ในอดีต ที่เคยเกิดขึ้น แล้วนำมาเทียบเคียงโดยใช้ จิตก่อนสำนึก (preconscious) ตั้งใจที่จะคิดจนสามารถดึงประสบการณ์จากเหตุการณ์เหล่านั้นมาใช้ประโยชน์ได้ก็จะช่วยให้กระบวนการที่กระทำอยู่ภายใต้สภาวะจิตสำนึก…สมบูรณ์ยิ่งขึ้น….และในการควบคุมจิตให้อยู่ในระดับควบคุมได้ทุกขณะ…….Super Ego ก็จะสามารถควบคุมการมีสติ   ควบคุมอารมณ์ และความรู้สึก………และรับรู้ในผิด ชอบ ชั่ว ดี ……จนกลายเป็นมโนธรรม(conscience) เพื่อสามารถใช้ตัดสินความถูกต้องของสังคมมนุษย์ 

ปัญหาท้ายตอนที่ 82

1. ในฐานะที่ท่านเป็นผู้บริหาร / ผู้นำ ขององค์การ ท่านจะแนะนำส่วนของการเลือกบุคคลเข้าทำงานของฝ่าย HR ….อย่างไร ?.....จะดูที่ลักษณะเฉพาะตัวหรือบุคลิกภาพส่วนไหนบ้าง…..และที่สำคัญจะใช้พลังจิตอะไรเพื่อคัดเลือกบุคลากรเหล่านั้นเข้าทำงาน

2. ในการบริหารบุคคลในมุมมองของ ฟรอยด์ ท่านคิดว่ามีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้าง สอดคล้องกับการพัฒนาจิตและบุคลิกภาพหรือไม่…?

 

////////////////////////////////////////

28/7/2553


บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที